สถานการณ์ต่างประเทศ

สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ หรือ ยูเอสจีเอส ออกแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ว่า นับตั้งแต่ภูเขาไฟคิลาเว ปะทุขึ้นเมื่อต้นเดือน เกิดรอยแยกแล้วอย่างน้อย 22 แห่ง โดยลาวาซึ่งไหลทะลักออกมาจากรอยแยกล่าสุด เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 274 เมตรต่อชั่วโมง มุ่งหน้าทิศตะวันออกเฉียงใต้ และพืชพรรณซึ่งล้มตาย รวมถึงสิ่งปลูกสร้างซึ่งเกิดการเผาไหม้จากผลของลาวา จะก่อให้เกิดแก๊สพิษส่งผลกระทบต่อคุณภาพของอากาศในบริเวณนั้น ยูเอสจีเอสจึงย้ำให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงสวมหน้ากากป้องกัน แถลงการณ์ของยูเอสจีเอส ยังระบุถึงการที่ลาวากำลังเดินทางเข้าใกล้ทางหลวงหมายเลข 137 ซึ่งเป็นทางหลวงสายหลักทอดยาวริมชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ ของเกาะใหญ่ฮาวาย สำนักงานป้องกันภัยพลเรือนเขตฮาวาย จึงเตือนประชาชนซึ่งยังคงอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว หลบอยู่ในที่ปลอดภัย เพื่อรอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ นายแฮร์รี คิม นายกเทศมนตรีเขตฮาวาย กล่าวว่า ลาวาจากรอยแยกที่ 20 มีแนวโน้มเป็นอันตรายต่อบ้านเรือนประมาณ 40 หลัง ซึ่งเจ้าหน้าที่กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิให้ความช่วยเหลือประชาชนออกมาได้แล้ว 4 คน ภูเขาไฟคิลาเว เกิดการระเบิดบริเวณยอดฮาเลเมาเมา เมื่อวันศุกร์ เป็นครั้งแรกที่มีการระเบิดบนส่วนยอดของภูเขาไฟ ซึ่งมีความสูง 1,247 เมตร และปะทุอย่างรุนแรงต่อเนื่อง จากผลของแผ่นดินไหวเบาบางและปานกลางสลับกันไปหลายร้อยครั้ง นับตั้งแต่ 3 พ.ค. ระดับการเตือนภัยอยู่ที่สีแดงซึ่งเป็นขั้นสูงสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ประกาศให้รัฐฮาวายเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ เมื่อช่วงกลางเดือน เพื่อรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง