สถานการณ์ในประเทศ

นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ระบุว่า การใช้โทรศัพท์ขณะขับรถทำให้ผู้ขับขี่ขาดสมาธิในการขับรถ ประสิทธิภาพการขับรถลดลง จึงเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุทางถนน เพราะเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงที เพื่อความปลอดภัย ปภ.ขอแนะข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางถนนจากการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถดังนี้ ปัจจัยเสี่ยงจากการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ผู้ขับขี่ที่ใช้อุปกรณ์เสริมในการสนทนาทางโทรศัพท์มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าปกติถึง 4 เท่า เนื่องจากทำให้ขาดสมาธิในการขับรถ การตอบสนองต่อสัญญาณไฟจราจร ป้ายเตือน และเหตุฉุกเฉินช้ากว่าปกติ ขณะที่ผู้ขับขี่ที่ไม่ใช้อุปกรณ์เสริมในการสนทนาทางโทรศัพท์ มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าปกติถึง 5 เท่า ทั้งการใช้มือจับพวงมาลัยเพียงข้างเดียว ส่งผลต่อการบังคับทิศทางรถ การตัดสินใจแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การมองเห็นและการจดจำสภาพเส้นทาง รวมถึงมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินช้ากว่าปกติประมาณ 0.5 วินาที สำหรับข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ควรใช้ระบบฝากข้อความ หรือวอยซ์เมล เพื่อหลีกเลี่ยงการรับโทรศัพท์ขณะขับรถ ใช้อุปกรณ์เสริมในการสนทนาทางโทรศัพท์ อาทิ แฮนด์ฟรี สมอลล์ทอล์ก บลูทูธ หรือเปิดลำโพง กรณีไม่มีอุปกรณ์เสริม ควรให้เพื่อนรับโทรศัพท์แทนหรือจอดรถคุยโทรศัพท์บริเวณที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น อธิบดี ปภ. กล่าวด้วยว่า ไม่ควรใช้โทรศัพท์เป็นเวลานาน หลีกเลี่ยง บทสนทนาที่ส่งผลต่ออารมณ์ ต้องใช้การวิเคราะห์และตัดสินใจ เพราะทำให้เสียสมาธิในการขับรถ กรณีใช้ระบบนำทางจีพีเอส ควรตั้งจุดหมายการเดินทางและศึกษาเส้นทางก่อนออกรถ เพื่อป้องกันการละสายตาจากเส้นทาง และความลังเลจากการตัดสินใจเลือกใช้เส้นทาง ไม่ใช้มือถือโทรศัพท์ขณะขับรถ เพราะทำให้เหลือมือจับพวงมาลัยเพียงข้างเดียว จึงส่งผลต่อประสิทธิภาพในการขับรถ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน จะไม่สามารถหักหลบสิ่งกีดขวางได้ทัน ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ ขณะเดียวกัน ผู้ขับขี่ไม่ควรใช้โทรศัพท์ขณะรถจอดติดสัญญาณไฟหรือการจราจรติดขัด และไม่ควรใช้หัวไหล่หนีบเพื่อคุยโทรศัพท์ในขณะขับรถ เพราะทำให้ประสิทธิภาพในการขับรถลดลง สำหรับผู้ขับขี่ที่ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถมีบทลงโทษทางกฎหมายปรับตั้งแต่ 400 - 1,000 บาท