สถานการณ์ต่างประเทศ

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบเดือน มิ.ย. พุ่งขึ้น 2.08 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3% ปิดที่ 71.14 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง นับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2557 สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 2.36 ดอลลาร์ หรือเกือบ 3.2% ปิดที่ 77.21 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2557 เช่นกัน สัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ประกาศนำถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน เมื่อวันอังคาร ตามเวลาสหรัฐ และระบุว่าจะดำเนินมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านในระดับสูงสุด ซึ่งจะปูทางคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่หลังจากนี้ 180 วัน นอกจากจะมีการบรรลุข้อตกลงใหม่ภายในช่วงเวลาดังกล่าว นักลงทุนมองว่า ถ้าอิหร่านถูกคว่ำบาตรครั้งนี้ จะส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตะวันออกกลางได้รับผลกระทบ เพราะขณะนี้อิหร่านเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก เป็นอันดับ 3 ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) โดยส่งออกน้ำมันมากกว่า 2.6 ล้านบาร์เรล/วัน หลังจากการลงนามในข้อตกลง กับกลุ่มประเทศ P5+1 ได้แก่ จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐ และเยอรมนี เมื่อปี 2558 นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สหรัฐจะประกาศคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านจำนวน 200,000-1,000,000 บาร์เรล/วัน โดยตลาดจะเริ่มได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรดังกล่าวตั้งแต่ปีหน้า สัญญาน้ำมันดิบยังได้ปัจจัยหนุน หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.2 ล้านบาร์เรลเช่นกัน