สถานการณ์ในประเทศ

นพ.สุขุม กาญจนพิมาย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า อาหารที่นำยาแผนปัจจุบันมาผสม จัดเป็น”อาหารไม่บริสุทธิ์” และผิดกฎหมาย ซึ่งกรม ร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ร่วมกันเฝ้าระวังการปนปลอมยาแผนปัจจุบันในอาหารมาต่อเนื่อง จากตรวจวิเคราะห์อาหาร ปีงบประมาณ 2560 พบว่า กาแฟสำเร็จรูปชนิดผง พบการปนปลอมของยาแผนปัจจุบันในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไซบูทรามีนในกลุ่มยาลดความอ้วนร้อยละ 3 , ซิลเดนาฟิลกลุ่มยารักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ร้อยละ 30 และตรวจพบเด๊กซาเมธาโซน ในกลุ่มยาสเตียรอยด์ ร้อยละ 8 ส่วนผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร พบการปนปลอมกลุ่มยาลดความอ้วน ร้อยละ 24 ส่วนใหญ่ตรวจพบไซบูทรามีน ออลิสแตท และยังพบกลุ่มยารักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ร้อยละ 29 สำหรับเครื่องดื่ม ตรวจพบไซบูทรามีนในกลุ่มยาลดความอ้วน ร้อยละ 3 ดังนั้น ถ้าผู้บริโภคประสงค์จะใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไม่ควรหลงเชื่อคำโฆษณา ควรใช้วิจารณญาณในการเลือกซื้อ เลือกผลิตภัณฑ์จากแหล่งที่เชื่อถือได้ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการได้รับอันตราย จากผลข้างเคียงของยาที่ปนปลอม ถ้ามีอาการผิดปกติหลังการรับประทานผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ให้หยุดรับประทาน รีบไปพบแพทย์ทันที และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ปัจจุบัน ยาที่อยู่ในกลุ่มที่จับตามองพิเศษมี 5 กลุ่ม 16 ชนิด ได้แก่ กลุ่มยารักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (ซิลเดนาฟิล, ทาดาลาฟิล และวาร์เดนาฟิล) กลุ่มยาลดความอ้วน (เอฟีดรีน, ซูโดเอฟีดีน, ออลิสแตท, เฟนฟลูรามีน, เฟนเทอร์มีน, ฟูออกซิทีน และไซบูทรามีน) กลุ่มยาระบาย (ฟีนอล์ฟทาลีน) กลุ่มยาสเตียรอยด์ (เด๊กซาเมธาโซน และเพรดนิโซโลน) และกลุ่มวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท (อัลปราโซแลม, ไดอะซีแพม และลอราซีแพม) ทั้งนี้ กรมได้ปรับการดำเนินงานตรวจวิเคราะห์ยาแผนปัจจุบันปนปลอมในอาหารกรณีเร่งด่วน 1 ตัวอย่าง 1 รายการวิเคราะห์ สามารถรายงานผลภายใน 24 ชั่วโมง ส่วนการยืนยันด้วยวิธีและเครื่องมือขั้นสูง สามารถรายงานผลได้ใน 2 วันทำการ สำหรับกรณีปกติ กำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จภายใน 3 วันทำการ