สถานการณ์ในประเทศ

ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ เปิดเผยรายชื่อคณะผู้แทนของรัฐบาลสหรัฐ ที่จะเข้าร่วมพิธีเปิดสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำกรุงเยรูซาเลม ในวันที่ 14 พ.ค. นี้ นำโดย นายจอห์น ซัลลิแวน รมช.กระทรวงการต่างประเทศ นายเดวิด ฟรีดแมน เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำอิสราเอล นายสตีฟ มนูชิน รมว.กระทรวงการคลัง นายจาเร็ด คุชเนอร์ ผู้ช่วยและที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดี น.ส.อิวังก้า ทรัมป์ ผู้ช่วยและที่ปรึกษาของประธานาธิบดี และนายเจสัน กรีนบลัตต์ ผู้แทนพิเศษด้านการเจรจาสถานการณ์ในตะวันออกกลาง การเปิดเผยรายชื่อดังกล่าว ถือเป็นที่ยืนยันว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ จะไม่เข้าร่วมพิธีด้วยตัวเอง แม้ก่อนหน้านี้เคยแสดงความสนใจ ต้องการไปร่วมงาน หลังประกาศรับรองพื้นที่ทั้งหมดของกรุงเยรูซาเลมให้เป็นเมืองหลวง ของอิสราเอล เมื่อเดือน ธ.ค. จุดกระแสต่อต้านสหรัฐและอิสราเอลเป็นวงกว้าง และมีอย่างน้อย 2 ประเทศ ประกาศเดินตามรอย ด้วยการย้ายสถานเอกอัครราชทูตออกจาก กรุงเทลอาวีฟ คือ กัวเตมาลาและปารากวัย หลายฝ่ายเชื่อว่าการไม่ไปร่วมงานของทรัมป์ น่าจะเพื่อไม่ให้สถานการณ์ตึงเครียดมากกว่าที่เป็นอยู่ ด้านเจ้าหน้าที่เทศบาลกรุงเยรูซาเลม เริ่มเปลี่ยนป้ายบอกทางตามถนนสายหลักที่ผ่านสถานกงสุลใหญ่สหรัฐ ซึ่งจะยกระดับเป็นสถานเอกอัครราชทูตในสัปดาห์หน้า นายเนียร์ บาร์กัต นายกเทศมนตรีกรุงเยรูซาเลม ระบุว่า ชาวอิสราเอลภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ต่อความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น อิสราเอลยึดครองพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกรุงเยรูซาเลม หลังชนะสงครามอาหรับ-อิสราเอล หรือ สงครามหกวัน เมื่อปี 2510 แต่สหประชาชาติไม่เคยรับรองการผนวกดินแดนที่เกิดขึ้น และเรียกร้องให้อิสราเอลกับปาเลสไตน์ เจรจาหาทางออกร่วมกันอย่างสันติ