สถานการณ์ต่างประเทศ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดบวกเมื่อคืนนี้ ปิดที่ 24,357.32 จุด เพิ่มขึ้น 94.81 จุด หรือ +0.39% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,265.21 จุด เพิ่มขึ้น 55.60 จุด หรือ +0.77% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,672.63 จุด เพิ่มขึ้น 9.21 จุด หรือ +0.35% โดยหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น หลังราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ทะยานขึ้นเหนือระดับ 70 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เป็นครั้งแรกฝนรอบ 3 ปีครึ่ง หรือ นับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2557 ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่า ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ อาจจะประกาศถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน แม้เขามีเวลาจนถึงวันที่ 12 พ.ค.นี้ แต่ทรัมป์ทวีตข้อความล่าสุดว่า จะประกาศการตัดสินใจในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งถ้าทรัมป์ประกาศถอนตัวจะปูทางให้สหรัฐคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ จะทำให้อิหร่านไม่สามารถส่งออกน้ำมันออกสู่ตลาด และจะหนุนให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นไปอีก ปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ราคาหุ้นพลังงานพุ่งขึ้น โดยหุ้นเชฟรอน ขึ้น 1.1% , หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 3% ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังปรับตัวขึ้น โดยหุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1.1% , หุ้นเฟซบุ๊ก ขึ้น 0.8% , หุ้นแอปเปิล ขึ้น 0.7% , หุ้นอเมซอน ขึ้น 1.2% สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่เปิดเผยล่าสุด เมื่อคืน คือ ผลสำรวจสมาคมการจำนองแห่งชาติของรัฐบาลกลางสหรัฐ ระบุว่า ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อตลาดที่อยู่อาศัยสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือน เม.ย. ด้วยการดีดตัวขึ้น 3.4 จุด สู่ 91.7 นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ เช่น ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนเม.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมี.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค เดือนเม.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์