สถานการณ์ในประเทศ

นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวตอนหนึ่งระหว่างเปิดประชุมเชิงปฏิบัติการ พัฒนาการดำเนินงานระบบบริการห้องฉุกเฉิน โดยมีผู้บริหารกระทรวง ผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการ โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป ทั่วประเทศเข้าร่วมว่า กระทรวงสาธารณสุข เร่งรัดให้มีการพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินครบวงจรและระบบส่งต่อ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ลดอัตราการเสียชีวิต ลดความพิการของผู้ป่วยอุบัติเหตุและผู้ป่วยวิกฤตฉุกเฉิน สร้างมาตรฐานระบบรักษาพยาบาลฉุกเฉิน เริ่มตั้งแต่การพัฒนาการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินทั้งนอกโรงพยาบาล-ในโรงพยาบาล การส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน การพัฒนาห้องฉุกเฉิน หรือ ห้องอีอาร์ ให้เป็นห้องฉุกเฉินคุณภาพ (ER QUALITY) ครบวงจร ของโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ให้เป็นโรงพยาบาลแม่ข่าย มีความพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมรับคนไข้วิกฤติฉุกเฉินให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที และรับส่งต่อจากโรงพยาบาลเครือข่ายภายในจังหวัด ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวอีกว่า การพัฒนาห้องอีอาร์คุณภาพมี 3 มาตรการ ได้แก่ มาตรการลดความแออัด จัดบริการคลินิกนอกเวลา หรือพรีเมียมคลินิก สำหรับผู้ป่วยทั่วไป ผู้ป่วยวิกฤติที่ได้รับการรักษาด่วนไม่อยู่ห้องอีอาร์ นานกว่า 4 ชั่วโมง , จัดมาตรฐานคุณภาพและการบริการห้องฉุกเฉิน อาทิ มีเครื่องช่วยชีวิตที่ได้มาตรฐาน มีระบบคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินชัดเจน ให้ผู้ป่วยวิกฤตฉุกเฉินได้รับการตรวจรักษาก่อนตามลำดับความเร่งด่วน มีระบบช่องทางด่วน (Fast Track) ในกลุ่มโรคความเสี่ยงสูง พร้อมจัดให้มีแพทย์ประจำห้องฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง โรงพยาบาลศูนย์ขนาดใหญ่ต้องจัดแพทย์เฉพาะทางแต่ละสาขาเป็นแพทย์ที่ปรึกษากรณีจำเป็นตลอด 24 ชั่วโมง และมาตรการพัฒนาบุคลากรแต่ละสาขาวิชาชีพให้เพียงพอ กำหนดให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ ประเมินและปรับปรุงตนเองให้ได้ตามเกณฑ์ภายในปีนี้