สถานการณ์ต่างประเทศ

พ.ต.เดฟ อีสต์เบิร์น โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ระบุว่า เพนตากอนมีคำสั่งตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย. ให้เรียกเก็บสมาร์ทโฟนและสินค้าที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผลิตโดยบริษัทสองแห่งของจีน คือ หัวเหว่ย และซีทีอี ออกจากร้านค้าของเพนตากอนในฐานทัพทุกแห่งบนโลก เนื่องจากอุปกรณ์ที่ผลิตโดยบริษัททั้งสองแห่ง อาจก่อให้เกิด "ความเสี่ยงที่ไม่อาจยอมรับได้" ต่อบุคลากรและภารกิจของเพนตากอน ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้น หลังสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (ดีเอ็นไอ) ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางที่ควบคุมดูแลเครือข่ายข่าวกรองทุกแห่งของสหรัฐ รวมถึงสำนักข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) สำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ ) และสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ ( เอ็นเอสเอ ) ออกรายงานเมื่อเดือนก.พ. ปีนี้ ว่าผลิตภัณฑ์ของหัวเหว่ย มีความเสี่ยงด้านความมั่นคง ของผู้ใช้งาน ด้านหนังสือพิมพ์เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาการใช้คำสั่งฝ่ายบริหาร เพื่อ "จำกัดศักยภาพ" ของบริษัทด้านโทรคมนาคมบางแห่งของจีน จากการจำหน่ายสินค้าในสหรัฐ ซึ่งรายงานของเดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล ระบุชัดเจนว่า ผู้นำสหรัฐและทีมงานกำลังพุ่งเป้าไปที่หัวเหว่ยและซีทีอี หลังเมื่อต้นปีนี้ใช้คำสั่งฝ่ายบริหารกดดันให้เอทีแอนด์ที ซึ่งเป็นบริษัทด้านโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของโลก และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองดัลลัส ในรัฐเทกซัส ยกเลิกข้อตกลงกับหัวเหว่ย ในการจำหน่ายสมาร์ทโฟนในสหรัฐผ่านเอทีแอนด์ที