สถานการณ์ต่างประเทศ

นายอลัน ปีเตอร์ คาเยตาโน รมว.กระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ เปิดเผยวานนี้ว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์ ตัดสินใจระงับการเจรจาความร่วมมือด้านแรงงานกับรัฐบาลคูเวต จนกว่าอีกฝ่ายจะสามารถชี้แจงได้อย่างสมเหตุสมผล กรณีมีคำสั่งเมื่อวันพุธ เนรเทศนายเรนาโต เปโดร วิลญา เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำกรุงคูเวตซิตี ให้เดินทางออกจากราชอาณาจักรภายใน 7 วัน และว่า กระทรวงการต่างประเทศ เชิญนายมูซาอิด ซาเลห์ อาหมัด อัลธไวกาห์ เอกอัครราชทูตคูเวตให้เข้าพบด้วย เพื่อหารือเกี่ยวกับการเนรเทศเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ และการที่รัฐบาลคูเวตยังคงควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ 4 คน ของสถานเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ไว้ รวมถึงการออกหมายจับเจ้าหน้าที่การทูตของรัฐบาลฟิลิปปินส์อีก 3 คนด้วย แต่กลับพบว่า อัลธไวกาห์ เดินทางกลับประเทศไปแล้ว ความร่วมมือด้านแรงงานระหว่างทั้งสองประเทศกลับกลายเป็นชนวนเหตุของความขัดแย้งครั้งใหญ่ เมื่อเกิดเหตุฆาตกรรมแม่บ้านชาวฟิลิปปินส์ เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งศาลในกรุงคูเวตซิตีมีคำพิพากษาลับหลังจำเลยเมื่อต้นเดือนนี้ ให้จำเลยซึ่งเป็นชายชาวเลบานอนและภรรยาชาวซีเรีย รับโทษประหารชีวิต และประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต สั่งระงับการเดินทางไปใช้แรงงานในคูเวตของชาวฟิลิปปินส์ทันที เมื่อไม่นานมานี้ มีรายงาน เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ บุกช่วยแม่บ้านสาวคนหนึ่งออกจากบ้านหลังหนึ่ง หลังได้รับแจ้งว่าเธอถูกนายจ้างทารุณกรรม ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศคูเวตวิจารณ์ว่า ฟิลิปปินส์ละเมิดระเบียบปฏิบัติทางการทูต แต่สถานทูตฟิลิปปินส์ออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่า ที่ต้องจัดการเองเพราะรัฐบาลคูเวตเพิกเฉยต่อการร้องเรียน แต่ขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่อีกไม่กี่วันต่อมา กระทรวงการต่างประเทศคูเวต ประกาศให้เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์มีสถานะเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา ปัจจุบัน ฟิลิปปินส์ มีแรงงานอยู่ในคูเวตประมาณ 260,000 คน มากกว่า 65% ประกอบอาชีพแม่บ้าน