สถานการณ์ต่างประเทศ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และนางเมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ให้การต้อนรับประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และนางบริจิตต์ มาครง ภริยา ซึ่งเดินทางถึงสหรัฐเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เพื่อปฏิบัติภารกิจการเยือนเป็นเวลา 3 วัน ถือเป็น ครั้งแรกของผู้นำฝรั่งเศส วัย 40 ปี ในการเยือนสหรัฐ นับตั้งแต่นายทรัมป์ และภริยา เยือน กรุงปารีสเพื่อร่วมงานวันชาติของฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ปีที่แล้ว ประเด็นสำคัญที่เชื่อกันว่าน่าจะมีการหยิบยกขึ้นมาหารือ รวมถึงข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ที่นายทรัมป์ แสดงออกอย่างชัดเจนมากขึ้นว่าต้องการให้สหรัฐถอนตัว ในขณะที่นายมาครง กล่าวก่อนหน้านี้ว่า กลุ่มประเทศที่ร่วมลงนามในข้อตกลงฉบับนี้ ซึ่งนอกเหนือจากสหรัฐและ ฝรั่งเศส คือ สหราชอาณาจักร รัสเซีย จีน และเยอรมนี ไม่มีแผนสำรองหากข้อตกลงฉบับ ดังกล่าวต้องล้มเหลว ขณะที่รัฐบาลอิหร่าน เตือนเป็นระยะว่า อิหร่านพร้อมเดินหน้าพัฒนา โครงการขีปนาวุธและนิวเคลียร์ หากรัฐบาลวอชิงตันถอนตัว ทั้งนี้ ประธานาธิบดีมาครง มีกำหนดขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมร่วมของสภาคองเกรส ในวันพุธที่ 25 เม.ย.นี้ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ประธานาธิบดีชาร์ล เดอ โกล กล่าวถ้อยแถลง ต่อที่ประชุมเดียวกัน เมื่อ พ.ศ.2504 หรือเมื่อ 57 ปีที่แล้ว