สถานการณ์ต่างประเทศ

สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่คนร้าย 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ และกระหน่ำยิง นายฟาดี เอ็ม อาร์ อัล-บัตช์ ชาวปาเลสไตน์ วัย 35 ปี เสียชีวิตริมถนนชานกรุงกัวลาลัมเปอร์ ช่วงเช้าตรู่วันเสาร์ที่ผ่านมา พล.ต.อ.โมฮัมหมัด ฟูซี บิน ฮารุน ผู้บัญชาการสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติของมาเลเซีย แถลงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนด้วยการเผยภาพ ผู้ต้องสงสัย 2 คน ที่พนักงานสืบสวนวาดตามคำบอกเล่าของพยาน ว่า เป็นชาย 2 คน มีหนวดเคราและสวมเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำทั้งคู่ สูงประมาณ 180 เซนติเมตร มีรูปร่างกำยำ ผิวขาวซึ่งอาจเป็นชาวยุโรปหรือแขกขาว หนึ่งในคนร้ายสวมแว่นตาและสวมหมวกนิรภัย ผู้ต้องสงสัยทั้งสองคนใช้จักรยานยนต์สีดำขนาดใหญ่ที่อาจเป็นยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู หรือ คาวาซากิ เป็นพาหนะในการก่อเหตุ ขณะที่ผลการชันสูตรศพเบื้องต้นพบว่า มือปืนน่าจะเน้นการยิงเข้าที่ศีรษะและจุดสำคัญ ตามลำตัว เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีบาดแผลฉกรรจ์มากที่สุด โดยคนร้ายลั่นไก 14 นัด แต่มี 4 นัดไม่ถูกเป้าหมาย และเข้าที่กำแพงแทน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญกำลังตรวจสอบปลอกกระสุน เขม่าดินปืนและวิถีกระสุนในที่เกิดเหตุ เพื่อวิเคราะห์ชนิดของอาวุธที่คนร้ายใช้ลงมือ พล.ต.อ.โมฮัมหมัด ฟูซี ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ไม่มั่นใจว่าผู้ต้องสงสัยทั้งสองคนยังอยู่ ในมาเลเซียหรือไม่ และสงวนท่าทีในการให้ข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็นว่า ผู้ต้องสงสัยทั้งคู่ เป็น"เจ้าหน้าที่ต่างชาติ" หรือไม่ ขณะที่ นายเอวิกดอร์ ลีเบอร์แมน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอิสราเอล กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ ว่า อิสราเอลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของบัตช์ ซึ่งเป็นวิศวกรไฟฟ้าและผู้เชี่ยวชาญ เรื่องจรวด แต่กลุ่มฮามาสและครอบครัวของผู้เสียชีวิตแสดงความเชื่อมั่นว่า "มอสสาด" ซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรองของอิสราเอล อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้