สถานการณ์ต่างประเทศ

กระทรวงการต่างประเทศซีเรีย ออกแถลงการณ์ว่า ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ส่งมอบเครื่องอิสริยาภรณ์ “เลฌียงดอเนอร์” ชั้น "กรังด์ ครัวซ์" ซึ่งเป็นชั้นสูงสุด ที่ได้รับมอบเมื่อปี 2544 จากประธานาธิบดีฌาก ชีรัก ของฝรั่งเศสในเวลานั้น กลับคืนให้แก่รัฐบาลฝรั่งเศสแล้ว ผ่าน สถานเอกอัครราชทูตโรมาเนีย ประจำกรุงดามัสกัส แม้แถลงการณ์ของรัฐบาลซีเรีย ไม่ได้ระบุเหตุผลการส่งคืนเครื่องอิสริยาภรณ์อย่างชัดเจน แต่แหล่งข่าวในรัฐบาลหลายคน กล่าวว่า การตัดสินใจของประธานธิบดีอัสซาด เกิดขึ้น หลังฝรั่งเศสเข้าร่วมปฏิบัติการโจมตีทางทหาร กับสหรัฐและสหราชอาณาจักร ที่ทำลายเป้าหมาย 3 แห่งในซีเรีย เมื่อ 14 เม.ย. นายอัสซาดจึงไม่ต้องการประดับเครื่องอิสริยาภรณ์จากประเทศที่ "เป็นทาสของอเมริกา" อีกต่อไป ขณะที่ทำเนียบเลลีเซ ของผู้นำฝรั่งเศส ออกแถลงการณ์เมื่อต้นสัปดาห์ว่า ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง มีคำสั่งให้ตรวจสอบทางวินัย เพื่อเรียกคืนเครื่องอิสริยาภรณ์จากผู้นำซีเรีย ด้าน พล.ท. เคนเนธ แมคเคนซี เสนาธิการกองกำลังนาวิกโยธินสหรัฐ ระบุ รัฐบาลซีเรียยังคงมีศักยภาพเพียงพอในการผลิตอาวุธเคมี เพราะยังคงมีวัตถุดิบสำคัญกระจายซุกซ่อนอยู่ตามสถานที่อีกหลายแห่งในซีเรีย แต่ขีดความสามารถน่าจะมีอยู่อย่างจำกัด หลังคลังแสงอาวุธเคมีถูกทำลายในปฏิบัติการทางทหารร่วม 3 ชาติ ส่วนโฆษกหญิงกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐมีหลักฐานที่เชื่อถือได้ว่า รัสเซียและซีเรียร่วมกันทำลายหลักฐานอาวุธเคมีในเมืองดูมา แต่ยังไม่เปิดเผยหลักฐานชัดเจน