สถานการณ์ในประเทศ

กรณีการเผยแพร่คลิปเสียง จากที่ประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญ ทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรม ของบุคคลที่สมควรได้รับการสรรหาเป็น กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตามที่คณะกรรมการสรรหาเสนอ ซึ่งเนื้อหาบางส่วนระบุว่า นายกรัฐมนตรีไม่ปลื้มบุคคลที่เข้ารับการสรรหา จำนวน 8 จาก 14 คน ส่งผลให้เป็นชนวนให้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติไม่เลือกรายชื่อรายชื่อผู้เข้ารับการสรรหาเป็น กสทช. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่ทราบและไม่มีใครบอกอะไร อ่านจากหนังสือพิมพ์ แต่ยังไม่รู้ว่า สนช. มีมติคว่ำ เพราะคงเป็นการประชุมลับ จึงไม่ทราบสาเหตุที่ สนช.ไม่เลือกว่าเป็นเพราะอะไร ส่วนขั้นตอนการสรรหา กสทช.ใหม่ เป็นขั้นตอนของ สนช.และคณะกรรมาธิการสามัญทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติฯ ต้องไปพิจารณาดำเนินการต่อไป สำหรับที่บุคคลรายเดิมสามารถเข้าไปสมัครใหม่ได้ เพราะไม่มีอะไรปิดกั้น อย่างไรก็ตาม การที่ สนช.ไม่เลือก กสทช.ก็ไม่มีผลอะไรกับรัฐบาล เพราะ กสทช.ชุดเก่า ยังสามารถทำงานต่อไปได้ตามปกติ และขณะนี้ยังไม่มีใครพูดถึงการนำมาตรา 44 มาใช้เพื่อแก้ปัญหา หากพูดออกไปจะกลายเป็นการชี้ช่อง ส่วนบุคคลที่ถูกพาดพิงในคลิป คงไม่สามารถฟ้องร้อง กมธ.ได้ เพราะเป็นเรื่องที่ กมธ.เสนอเข้าไปที่ สนช. เมื่อไม่เลือกก็เป็นเรื่องของ สนช. ส่วนการคว่ำไม่เลือกตามที่มีการสรรหามา เป็นเพราะผู้มีอำนาจส่งสัญญาณมาหรือไม่นั้น นายวิษณุ กล่าวว่าไม่รู้ว่าใช่จริงหรือไม่ อาจเป็นการอ้างกันเอง เป็นธรรมดาที่ทุกคนอยากรู้และเชื่อว่าอีกไม่นานคงรู้ แต่ไม่ถึงขั้นต้องตั้งกรรมการมาตรวจสอบ อีกทั้งที่อ้างว่าถ้ารัฐบาลและนายกฯไม่ชอบ จะทำให้การพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ต้องตกไป มองว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาของรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย ถ้าจะต้องโทษและโยนกันไปเพื่อให้น่าเชื่อถือ จึงขอให้ฟังหูไว้หู และตรวจสอบให้ละเอียด แม้แต่ตนเองยังเคยถูกนำไปแอบอ้างทั้งที่ไม่รู้เรื่อง