
คุก 27 ปี อดีต ปธน.บราซิล คดีวางแผนรัฐประหาร
12 กันยายน 2568 12:09 น.
ราคาน้ำมันดิบปรับลด หวั่นอุปทานล้นตลาดจากการเพิ่มกำลังผลิต OPEC+ 12 ก.ย. 68 13:09 น.
12 กันยายน 2568 12:09 น.
12 กันยายน 2568 12:09 น.
12 กันยายน 2568 12:09 น.
9 กันยายน 2568 13:09 น.
สำนักข่าวซานา รายงานการเกิดระเบิดอย่างรุนแรงอย่างน้อย 6 จุด ในกรุงดามัสกัส ของซีเรีย ส่วนใหญ่อยู่ในเขตบาร์ซาห์ ที่อยู่ทางตะวันออก ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติซีเรีย ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ระบุว่า เป้าหมายการโจมตี คือ แสนยานุภาพทางเคมีของกองทัพซีเรีย ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงที่ทำเนียบขาว ผ่านสถานีโทรทัศน์ เมื่อคืนวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ได้สั่งการให้กองทัพสหรัฐปฏิบัติการโจมตีแบบจำเพาะเจาะจง ต่อเป้าหมายซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับโครงการผลิตอาวุธเคมีของซีเรีย โดยได้รับการสนับสนุนจาก สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส การตัดสินใจใช้คำสั่งโจมตีทางทหารในซีเรียครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องโดยตรงจาก ความล้มเหลวหลายครั้งของรัสเซียและอิหร่าน ในการรักษาคำมั่นสัญญา เพื่อร่วมยุติโครงการอาวุธเคมีของรัฐบาลซีเรีย และปล่อยให้ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ใช้อาวุธร้ายแรงเช่นนี้เข่นฆ่าประชาชนของตัวเอง มาตรการทางทหารจึงเป็นยุทธวิธีที่เหมาะสมเพื่อลงโทษและตักเตือน ไม่ให้รัฐบาลนายอัสซาด กระทำการ เช่นนี้อีก และเพื่อสร้างบรรทัดฐานการป้องปรามต่อการผลิตและแพร่หลายการใช้อาวุธเคมี ซึ่งถือเป็นการกระทำของอสูรกาย มิใช่มนุษย์ พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีการปักหลัก อย่างไม่มีกำหนด ของกำลังพลและสรรพาวุธของสหรัฐในซีเรีย ด้าน นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ของอังกฤษ ออกแถลงการณ์ระบุว่า ภายหลังหารือร่วมกับสหรัฐและฝรั่งเศสแล้ว ทุกฝ่ายเห็นพ้องว่า ไม่มีทางเลือกที่เหมาะสมอื่น นอกเหนือจากการใช้มาตรการทางทหารต่อซีเรีย การตัดสินใจของเธอตั้งอยู่บนพื้นฐานการปกป้องผลประโยชน์ของสหราชอาณาจักรเป็นสำคัญ พร้อมยืนยันปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้จะเป็นไปด้วยความแม่นยำที่สุด เพื่อป้องกันความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือนซีเรีย ส่วนทำเนียบเลลีเซ ทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศส ออกแถลงการณ์ กองทัพฝรั่งเศสได้รับคำสั่งจากประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ให้ร่วมปฏิบัติการทางทหารในซีเรีย กับสหรัฐ และสหราชอาณาจักร แหล่งข่าวในกระทรวงกลาโหมสหรัฐ เปิดเผยว่า เบื้องต้น อาวุธที่ใช้ในการโจมตีหลัก ยังคงเป็นขีปนาวุธโทมาฮอว์ก ความเคลื่อนไหวทางทหารต่อซีเรียเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เตือนว่าวิกฤตการณ์ในซีเรียบานปลายกลายเป็น "สงครามเย็น" ระหว่างอเมริกากับรัสเซียแล้ว ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่น่าวิตกมากที่สุด พร้อมเตือนความโกลาหลนี้จะเป็นภัยต่อสันติภาพและความมั่นคงของโลก (ภาพ AP)