สถานการณ์ต่างประเทศ

ทำเนียบประธานาธิบดีเม็กซิโก ออกแถลงการณ์เมื่อวาน ว่า ประธานาธิบดีเอนริเก้ เปญา เนียโต มีคำสั่งให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานทุกแห่งของรัฐบาลกลาง ประเมินและทบทวนความร่วมมือระดับทวิภาคีทุกด้านกับสหรัฐ ที่ตึงเครียดมากขึ้นอย่างชัดเจนและต่อเนื่อง นับตั้งแต่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ รับตำแหน่งผู้นำสหรัฐ เมื่อปลายเดือน ม.ค.2560 โดยแถลงการณ์ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดมากนัก ด้านนายหลุยส์ วิเดการาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเม็กซิโก ระบุในเวลาต่อมาว่า ได้เชิญ นางโรแบร์ตา จาค็อบสัน เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำกรุงเม็กซิโกซิตี เข้าพบวันนี้ เพื่อประท้วงต่อประเด็นที่ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวพาดพิงถึงคาราวานผู้อพยพ จากอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ว่า ผู้อพยพซึ่งเป็นหญิงถูกข่มขืนในระดับสูงอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน รวมทั้งกล่าวถึงการใช้มาตรการลงโทษเม็กซิโกจากเรื่องนี้ ด้วยการเล่นงานสินค้า ทำเงินของเม็กซิโก ในความตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ หรือ นาฟตา รัฐมนตรีต่างประเทศเม็กซิโก กล่าวอีกว่า ประเด็นความร่วมมือกับสหรัฐที่เนียโต ให้ความสนใจมากที่สุด คือ การค้าและความร่วมมือด้านความมั่นคง ซึ่งรวมถึงมาตรการปราบปรามการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และการลักลอบข้ามพรมแดนของผู้อพยพ ความเคลื่อนไหวของเม็กซิโกมีขึ้นในเวลาเดียวกับที่รัฐแอริโซนาของสหรัฐ ส่งเจ้าหน้าที่ กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิชุดแรก 225 นาย ประจำการตามแนวชายแดนติดกับเม็กซิโก เมื่อวาน และอาจเพิ่มอีก 113 นาย ส่วนรัฐนิวเม็กซิโก เตรียมส่งเจ้าหน้าที่ชุดแรก 80 นาย และรัฐเท็กซัสอีกอย่างน้อย 1,000 นาย ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐ กำหนดโควตาทหารสำหรับกรณีไว้สูงสุดถึง 4,000 นาย ตามคำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์