สถานการณ์ต่างประเทศ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ ที่ทำเนียบขาว เมื่อวานนี้ โดยบุคคลที่เข้าร่วมหารือรวมถึง พล.อ.เจมส์ แมตทิส รัฐมนตรี กระทรวงกลาโหม และพล.อ.โจเซฟ ดันฟอร์ด ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วม ว่า "ทุกคน" ซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ใช้อาวุธเคมีเข่นฆ่าประชาชนที่เมืองดูมา ในเขต กูตาตะวันออก ชานกรุงดามัสกัสของซีเรีย เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องรับผล จากการกระทำของตัวเอง "อย่างสาสม" เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า "บุคคลที่ต้องร่วมรับผิดชอบ" รวมถึงประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ซึ่งสนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรียหรือไม่ ทรัมป์รักษาท่าที ด้วยการใช้คำว่า "อาจจะ" แต่ยืนยันว่าหากมีหลักฐานยืนยันชัดเจน ผู้นำรัสเซียต้องยอมรับ ผลจากเรื่องนี้เช่นกัน และกล่าวด้วยว่าเขาจะตัดสินใจ "ภายในเวลาอันรวดเร็ว" ท่ามกลาง รายงานว่าเรือพิฆาตติดตั้งระบบขีปนาวุธนำวิถี "ยูเอสเอส โดนัลด์ คุก" เดินทางออกจาก ไซปรัสมุ่งสู่น่านน้ำทางตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแล้ว ถ้อยแถลงของทรัมป์เกิดขึ้นในเวลาเดียวกับที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ประชุมฉุกเฉินเกี่ยวกับเหตุการณ์ประชาชนมากกว่า 80 คนในเมืองดูมา เสียชีวิตจากการ โจมตีทางอากาศหลายระลอก เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และราวครึ่งหนึ่งเสียชีวิต จากการได้รับ "แก๊สพิษ" ซึ่งนายวาสซิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า ยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่ามีการโจมตีด้วยอาวุธเคมีหรือไม่ และหากเป็นจริงแล้ว อาวุธเคมีเป็นของฝ่ายใด พร้อมทั้งตั้งสมมติฐานว่าอาจเป็นเรื่องโกหกของสหรัฐ เพื่อใช้เป็น ข้ออ้างเปิดฉากโจมตีเต็มรูปแบบต่อซีเรีย และเตือนว่าหากสหรัฐลงมือเช่นนั้นจริง รัสเซีย จะไม่เพิกเฉยอีกต่อไป ด้านกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านออกแถลงการณ์ยืนยัน "ที่ปรึกษาทางทหาร" 4 นาย รวมอยู่ในผู้เสียชีวิต 14 คน ในเหตุโจมตีด้วยขีปนาวุธที่ฐานทัพอากาศ "ที-โฟร์" ใกล้กับเมือง ฮอมส์ของซีเรีย และเตือนว่า "ขบวนการไซออนิสต์" ที่หมายถึงอิสราเอล "ต้องรับผิดชอบ" ขณะที่รัฐบาลอิสราเอลยังสงวนท่าทีต่อเหตุการณ์ดังกล่าว