สถานการณ์ในประเทศ

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นถึงกระแสข่าว นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เตรียมจัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งว่า ยินดีต้อนรับพรรคการเมืองที่กำลังจัดตั้งเพื่อสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะจะทำให้ประชาชนมีทางเลือกในการเลือกตั้งมากขึ้น และพล.อ.ประยุทธ์ จะได้เข้าสู่ถนนการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย พล.อ.ประยุทธ์จะได้เข้าใจการเมืองมากขึ้น และจะได้เข้าใจว่าในแวดวงการเมืองมีทั้งนักการเมืองที่ดี ตั้งใจทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน และมีนักการเมืองที่ไม่ดีที่อาศัยการเมือง ประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือแล้วใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง จะได้ไม่ด่ากราดนักการเมืองว่าไม่ดีไปทั้งหมดเหมือนที่ผ่านมา นายองอาจ กล่าวต่อว่า การเคลื่อนไหวตั้งพรรคการเมืองสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่อาจจะเป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งของยุทธศาสตร์สืบทอดอำนาจที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นจากทำรัฐธรรมนูญที่แถมคำถามพ่วง จากนั้นได้ร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญ 10 ฉบับ โดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง 4 ฉบับ ซึ่งมีผลบังคับใช้เพียง 2 ฉบับ คือ กฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง และกฎหมายว่าด้วย คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่วนกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ยังถูกยื้อเวลาสร้างเงื่อนไขให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ ขณะที่กฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองแม้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือน ต.ค.2560 แต่ยังใช้ไม่ได้ เพราะติดล็อกคำสั่งและประกาศ คสช. รวมถึงมีคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 53/2560 ปรับเปลี่ยนกฎหมายนี้ ทำให้สร้างปัญหาในทางปฏิบัติ และมีความย้อนแย้งกันอยู่หลายส่วน จึงมองได้ว่า การดำเนินการช่วงที่ผ่านมา ล้วนเป็นไปตามยุทธศาสตร์สืบทอดอำนาจ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ ใช้เวลาที่เหลืออีกเป็นปี ทำงานแก้ไขปัญหาของประชาชนที่กำลังทุกข์อยู่ขณะนี้ 3 เรื่อง คือ 1.การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนให้ลืมตาปากได้ 2.การแก้ไขปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ไม่ว่าจะเป็นยางพารา ปาล์ม และพืชผลทางเกษตร และ 3.การเลิกอุ้มคนรวย หันมาช่วยคนจนเพิ่มขึ้น ตนขอฝากให้ท่านนายกฯใช้เวลาที่เหลืออยู่บริหารประเทศมากกว่าบริหารอนาคตของตนเอง และพวกพ้อง ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์สุขต่อประชาชนและสังคมไทยต่อไป