สถานการณ์ต่างประเทศ

อดีตประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา วัย 72 ปี ออกจากอาคารสำนักงานสหภาพแรงงานเหล็กกล้า ในเมืองเซาเปาลู เมืองใหญ่สุด ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของบราซิล เมื่อคืนวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น สิ้นสุดการเผชิญหน้าตึงเครียดกับตำรวจ เพื่อจับกุมเขาไปรับโทษจำคุก 12 ปี ตามคำพิพากษาของศาลฎีกา ในคดีทุจริตคอร์รัปชั่น ผู้พิพากษามีคำสั่งเมื่อวันพฤหัสบดี ให้เวลาลูลา 24 ชั่วโมง เข้ามอบตัวต่อตำรวจ หรือภายในช่วงเย็นของวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่อดีตประธานาธิบดีลูลา กลับเข้าหลบซ่อนตัวอยู่ในอาคารแห่งนี้ กระทั่งพ้นเส้นตายของผู้พิพากษา ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ที่ปักหลักรออยู่แล้ว นำตัวนายลูลาขึ้นรถยนต์ออกไปทันที ท่ามกลางกลุ่มผู้สนับสนุนจำนวนมากพยายามขัดขวาง ข้อมูลเบื้องต้นจากพนักงานสืบสวนเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่นำตัวนายลูลา โดยสารเครื่องบินออกจากเมืองเซาเปาลู ไปยังเมืองกูริติบา ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและเรือนจำกลาง เพื่อเริ่มรับโทษจำคุกทันที นายลูลาระบุว่า การมอบตัวของเขาเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ แต่ยังคงยืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหา นายลูลา ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี 2 สมัยติดต่อกัน ระหว่างปี 2546-2554 และจำเป็นต้องเว้นวรรคทางการเมืองไประยะหนึ่ง เพื่อกลับมาลงสมัครรับเลือกตั้งได้อีกครั้ง ซึ่งหลายฝ่ายยกให้เขาเป็นตัวเก็งในการเลือกตั้ง ซึ่งจะมีขึ้นในเดือน ต.ค.นี้ เนื่องจากมีผลงานในการพัฒนาเศรษฐกิจบราซิล ที่ขึ้นสู่การเป็นอันดับ 1 ของอเมริกาใต้ แต่เขาต้องมาพบจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ เมื่ออัยการสูงสุดเริ่มการสอบสวน เมื่อ เม.ย.2558 กรณีการวิ่งเต้นให้บริษัทก่อสร้าง โอเดเบรชต์ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของบราซิล ได้รับสัมปทานในโครงการก่อสร้างหลายประเทศ ต่อมา นายมาร์เซโล โอเดเบรชต์ ประธานบริษัทโอเดเบรชต์ ถูกจับกุม และรับสารภาพเรื่องการจ่ายสินบนจำนวนมหาศาลให้แก่ผู้นำและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลหลายประเทศ หนึ่งในนั้นคือ นายลูลา ที่รับสินบนรวม 3.7 ล้านเรอัลบราซิล หรือ ราว 37.4 ล้านบาท คดีความของอดีตประธานาธิบดีลูลา เป็นส่วนหนึ่งของ "ปฏิบัติการล้างรถ" หรือ Operation Car Wash ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดบราซิล ร่วมมือกับอีกหลายในการสืบสวนสอบสวน