สถานการณ์ต่างประเทศ

มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ ซีอีโอ ของเฟซบุ๊ก ประกาศผ่านเพจ อย่างเป็นทางการของตัวเอง เมื่อวันศุกร์ ว่า นับจากนี้เป็นต้นไป จะมีการตรวจสอบความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างเพจกับผู้ซื้อโฆษณา เริ่มจากการพิสูจน์ตัวตนของผู้ที่ต้องการซื้อโฆษณาบนเพจเหล่านั้น โดยเฉพาะโฆษณาทางการเมือง การปฏิเสธแสดงตัวตนไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ย่อมหมายความถึงการไม่สิทธิ์เผยแพร่โฆษณา ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก จะทำการแสดงผลข้อมูลของผู้ซื้อและเผยแพร่โฆษณาอย่างชัดเจน ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวจะมีผลในสหรัฐเป็นประเทศแรก ก่อนขยายให้ครอบคลุมทั่วโลก ภายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยการตรวจสอบตัวตนของผู้ซื้อโฆษณาในอเมริกา จะต้อง แจ้งรหัสประจำตัวที่รัฐบาลเป็นผู้ออกให้ อาทิ รหัสบัตรประชาชนต่อเฟซบุ๊ก ซึ่งจะส่ง "รหัสเฉพาะ" ไปให้ทางไปรษณีย์ เมื่อผู้ซื้อโฆษณาได้รับจดหมายจากเฟซบุ๊ก ให้ป้อนรหัส เฉพาะนั้นเข้าสู่ระบบก่อน แล้วจึงจะสามารถเผยแพร่โฆษณาของตัวเองบนเพจที่ต้องการได้ ซึ่งหลายฝ่ายคาดการณ์ว่ามาตรการสำหรับประเทศอื่นไม่น่าแตกต่างกันมากนัก ซัคเคอร์เบิร์กยังกล่าวถึงมาตรการตรวจสอบตัวตนของผู้เป็นเจ้าของหรือผู้ดูแล "เพจขนาดใหญ่" เพื่อป้องกันการสวมรอยและการใช้บัญชีปลอม แม้ในส่วนนี้ซัคเคอร์เบิร์กยังไม่ได้กล่าวลงลึกในรายละเอียด ที่รวมถึงเกณฑ์การประเมินความเป็น "เพจขนาดใหญ่" แต่ตั้งเป้าจะให้เสร็จสิ้นก่อนเข้าสู่ช่วงการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ ที่จะมีขึ้นในเดือนพ.ย. นี้ ซึ่งเป็นการชิงชัยที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 435 ที่นั่ง 34 จาก 100 ที่นั่งในวุฒิสภา และการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐ ในอีก 39 รัฐ ที่พรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตจะแข่งขันกันอย่างดุเดือด อีกทั้งในปีนี้ ยังมีการเลือกตั้งในอีกหลายประเทศ ซึ่งซัคเคอร์เบิร์กอ้างถึง เม็กซิโก บราซิล อินเดีย และปากีสถาน เฟซบุ๊กยังมีแถลงการณ์แยกอีกฉบับหนึ่ง ว่านับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 9 เม.ย.นี้ เป็นต้นไป เจ้าของบัญชีราว 2,200 ล้านคนทั่วโลก จะทยอยได้รับการแจ้งเตือนชื่อ "การปกป้องข้อมูล ของคุณ" เป็นลิงก์แสดงผลว่าเจ้าของบัญชีใช้งานแอปพลิเคชั่นใดบ้าง และแอปพลิเคชั่นเหล่านั้นทราบข้อมูลอะไรของเจ้าของบัญชีบ้าง แล้วให้เจ้าของบัญชีพิจารณาเองว่าต้องการ ใช้งานแอปพลิเคชั่นนั้นต่อไปหรือไม่ "เพื่อความเป็นส่วนตัวด้านข้อมูล" ซึ่งมาตรการนี้ เกี่ยวโยงกับกรณีอื้อฉาวที่ "เคมบริดจ์ อะนาลิติกา" สามารถดึงข้อมูลบัญชีผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก ในสหรัฐมากกว่า 50 ล้านบัญชี เพื่อไปใช้สร้างผลประโยชน์ทางการเมือง และอาจมีมาก ถึง 87 ล้านบัญชี ส่วนใหญ่อยู่ในยุโรป