สถานการณ์ต่างประเทศ

กระทรวงการคลังของสหรัฐออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ (6 เม.ย.) ขึ้นบัญชีดำพลเมืองสัญชาติ รัสเซีย 24 คน จากการเป็นบุคคลซึ่งร่วมกัน "ปฏิบัติการชั่วร้ายทั่วโลก" ที่รวมถึงการแทรกแซง การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เมื่อปี 2559 สถานการณ์ในยูเครน และซีเรีย เนื้อหาใน แถลงการณ์ระบุด้วยว่า รัฐบาลสหรัฐต้องการเล่นงานกลุ่มบุคคลที่ได้รับผลประโยชน์จาก "ระบบคอร์รัปชั่น" ของการเมืองรัสเซีย ผู้ที่อยู่ในรายชื่อทั้ง 24 คน แบ่งเป็นนักการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล และ อดีตนักการเมือง 17 คน รวมถึงอดีตนายกรัฐมนตรี วิกเตอร์ ซุบคอฟ, นายอเล็กซานเดอร์ ทอร์ชิน รองผู้ว่าการธนาคารกลางรัสเซีย, นายอังเดร คอสติน ผู้อำนวยการธนาคารวีทีบี สถาบันการเงินรายใหญ่อันดับ 2 ของรัสเซีย และนายวิกเตอร์ โซโลตอฟ อดีตหัวหน้า เจ้าหน้าที่อารักขาผู้นำรัสเซีย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกองกำลังพิทักษ์ มาตุภูมิแห่งชาติ ส่วนอีก 7 คน เป็นนักธุรกิจและมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน นำโดยนายโอเล็ก เดริปาสกา ซึ่งรัฐบาลสหรัฐขนานนามว่า "ราชาอะลูมิเนียม" จากการ เป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องหลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือ ยูไนเต็ด โค รูซัล หนึ่งในบริษัทผลิตอะลูมิเนียมรายใหญ่ที่สุดของโลก ปัจจุบันครอง ส่วนแบ่ง 7% ในตลาดโลก และ นายคีริลล์ ชามาลอฟ ลูกเขยของปูติน โดยเป็นสามี ของ น.ส.คาเทรินา ทิโคโนวา ลูกสาวคนเล็กของผู้นำรัสเซีย นอกจากนี้ ยังมี นายอเล็กซี มิลเลอร์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ ซีอีโอ ของ ก๊าซพรอม รัฐวิสาหกิจด้านพลังงานรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย, นายอิกอร์ โรเทนเบิร์ก ลูกชายของ นายอาร์คาดี โรเทนเบิร์ก เพื่อนสนิทตั้งแต่วัยเด็กของปูติน, นายสุไลมาน เคริมอฟ ผู้บริหารของ "โพลิอัส" หนึ่งในผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ซึ่งการ ขึ้นบัญชีดำนักธุรกิจทั้ง 7 คนนี้ จะส่งผลสืบเนื่องครอบคลุมบริษัท 12 แห่ง ของกลุ่มคน เหล่านี้โดยอัตโนมัติ ด้านกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกแถลงการณ์ ว่า "จะไม่มีทางเพิกเฉย" ต่อ มาตรการคว่ำบาตรของรัฐบาลสหรัฐในครั้งนี้ ที่เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศของ สงครามเย็นทางการทูตระหว่างโลกตะวันตกกับรัฐบาลรัสเซีย จากกรณีพิพาทเรื่อง อดีตสายลับรัสเซียซึ่งลี้ภัยอยูในอังกฤษ ได้รับสารพิษร้ายแรงเมื่อเดือนที่แล้ว