สถานการณ์ในประเทศ

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังประชุมศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังการทำประมง ว่า ขณะนี้ประเทศไทย พร้อมกับการเข้ามาตรวจติดตามของคณะกรรมการสหภาพยุโรป หรือ อียู ระหว่างวันที่ 4 - 11 เม.ย.นี้ ซึ่งมั่นใจว่าตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ไทยได้ แก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุม หรือ ไอยูยู ในหลายมาตรการภายใต้การแนะนำของอียู โดยในช่วงสัปดาห์นี้ อียูจะติดตามระบบ ทั้งหมด และสัปดาห์หน้า คณะจะหารือกับ นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตผู้แทน ถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ที่มาร่วมในการหารือและชี้แจงด้วย ทั้งนี้ ตนไม่เคยพูดว่า จะได้ปลดใบเหลืองหรือใบอะไร ซึ่งมาตรการที่รัฐบาลไทยทำมาทั้งหมดเพื่อป้องกัน การทำประมงไร้ขีดจำกัด และสิ่งที่ได้คืนกลับมาคือความอุดมสมบูรณ์ให้กับท้องทะเลไทย มีทรัพยากรอย่างยั่งยืนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน เพราะทุกๆประเทศในโลกต่างก็ต้องการ ในทางเดียวกันนี้ พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการทั้งการออกกฎหมาย การบังคับใช้ กฎหมาย ระบบตรวจสอบย้อนกลับ จำนวนกองเรือประมงที่ขายไปต่างประเทศ หรือ จมเพื่อทำปะการัง ซึ่งได้ติดตามและส่งคำยืนยันจากประเทศผู้ซื้อทั้งหมด นอกจากนั้น การดำเนินการในฐานะรัฐเจ้าท่า รัฐเจ้าของธง รัฐเจ้าของตลาด ได้ดำเนินการแล้วทั้งหมด ขณะที่ปัญหาแรงงานต่างด้าวในเรือประมง ได้ขึ้นทะเบียนแรงงานประมงแล้วกว่า 1 ล้านคน และสามารถยืนยันตัวตนชัดเจนด้วยระบบสแกนม่านตา ซึ่งเป็นการตรวจสอบ ที่ก้าวหน้าไปมากทั้งหมด คาดว่าจะส่งผลในทางที่ดี กับการมาตรวจสอบครั้งนี้