สถานการณ์ต่างประเทศ

แหล่งข่าวในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ระบุว่า สหรัฐ ไม่สนับสนุนร่างแถลงการณ์ที่เสนอโดยคูเวต โควตาของกลุ่มประเทศอาหรับ ในยูเอ็นเอสซี ที่มีสาระสำคัญเป็นการแสดงความวิตกกังวลอย่างยิ่ง ต่อสถานการณ์รุนแรงบริเวณพรมแดนระหว่างฉนวนกาซากับอิสราเอล ซึ่งมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 คน และได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 1,400 คน ตั้งแต่เกิดการปะทะเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และเรียกร้องให้ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความเป็นธรรมและโปร่งใส อย่างไรก็ตาม ยูเอ็นเอสซีไม่มีกำหนดลงมติอย่างเป็นทางการในเรื่องนี้ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า สหรัฐ 1 ใน 5 สมาชิกถาวรของยูเอ็นเอสซี และเป็นพันธมิตรสำคัญของอิสราเอล จะใช้อำนาจวีโต้ แม้เนื้อหาในแถลงการณ์ไม่ได้ระบุโดยตรง เกี่ยวกับปฏิบัติการของทหารอิสราเอลตามแนวพรมแดน แต่มีการย้ำถึงจุดยืนของยูเอ็นเอสซี ในการเป็นผู้ประสานงานกระบวรการสร้างสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ กองกำลังป้องกันอิสราเอล ออกแถลงการณ์เตือนว่า อาจมีการปฏิบัติการทางทหารภายในอาณาเขตของฉนวนกาซา เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มก่อการร้าย ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์เพื่อข้ามพรมแดนไปยังอิสราเอล พร้อมยืนกรานว่าเจ้าหน้าที่ใช้กระสุนจริง กรณีผู้ก่อการร้าย พยายามทำลายเครื่องกั้นพรมแดนเท่านั้น ขณะที่รัฐบาลปาเลสไตน์ประณามและเรียกร้องให้อิสราเอลแสดงความรับผิดชอบต่อการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ส่วนกลุ่มฮามาสประกาศว่า การชุมนุมประท้วงในชื่อ หรือ เดอะ เกรท มาร์ช ออฟ รีเทิร์น หรือ การเดินขบวนครั้งยิ่งใหญ่เพื่อทวงคืน เพื่อรำลึกวันที่ทหารอิสราเอลสังหารผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์ 6 คน ระหว่างการชุมนุมเกี่ยวกับข้อพิพาทเรื่องที่ทำกิน ในพื้นที่ยึดครองทั้งในฉนวนกาซาและเขตเวสต์แบงก์ เมื่อ 30 มี.ค. 2519 จะสิ้นสุดในวันที่ 15 พ.ค.นี้ หรือ 1 วันหลังการเฉลิมฉลองครบรอบการสถาปนารัฐอิสราเอล ปีที่ 70 และสหรัฐประกาศจะเป็นวันย้ายสถานเอกอัครราชทูต จากกรุงเทลอาวีฟ ไปยังกรุงเยรูซาเลม ด้วย