สถานการณ์ต่างประเทศ

นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวเมื่อวานนี้ว่า สหประชาชาติมีความ วิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง ต่อการที่ประเทศมหาอำนาจสองขั้วอำนาจซึ่งอยู่ตรงข้ามกันอย่างชัดเจนในทางภูมิรัฐศาสตร์ ยังคงขาด "กลไกที่มีประสิทธิภาพ" เพื่อนำไปสู่การบรรเทา ความรุนแรงให้กับความขัดแย้งที่เชื่อมโยงระหว่างภูมิภาค ส่งผลให้โลกกำลังกลับเข้าสู่ สภาวะตึงเครียดทางการเมืองและการทหารที่มีความรุนแรงไม่ต่างจากที่เคยเกิดขึ้นแล้วในอดีต ในเวลานี้การเพิ่มความร่วมมือในการคลี่คลายข้อพิพาท "ด้วยความระมัดระวัง" จึงเป็นสิ่ง สำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์บานปลายมากไปกว่านี้ ถ้อยแถลงของกูเตร์เรสมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวง การต่างประเทศรัสเซีย ประกาศการเนรเทศเจ้าหน้าที่การทูตของสหรัฐ 60 คน ออกจาก รัสเซียภายใน 7 วัน คือ ภายในวันที่ 5 เม.ย. นี้ พร้อมทั้งสั่งปิดสถานกงสุลใหญ่สหรัฐ ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก หลังสหรัฐเนรเทศเจ้าหน้าที่การทูตของรัสเซีย 60 คน และ สั่งปิดสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองซีแอตเทิล เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ลาฟรอฟ ยังเตือนด้วยว่า การดำเนินการขั้นต่อไปของสหรัฐในเรื่องนี้มีแต่จะยิ่งบั่นทอน ความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคี หลังมีรายงานว่า นายจอห์น ฮันต์สแมน เอกอัครราชทูตสหรัฐ กล่าวกับนายเซอร์เก ริบคอฟ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ว่า รัฐบาลสหรัฐ อาจอายัดทรัพย์สินของรัฐบาลรัสเซียที่มีอยู่ในสหรัฐ ลาฟรอฟ ยืนยันว่า รัสเซียจะใช้มาตรการตอบโต้ "ในระดับที่เท่าเทียมกัน" กับอีกมากกว่า 20 ประเทศที่เนรเทศเจ้าหน้าที่การทูตของรัสเซียรวมกันมากกว่า 150 คน จากกรณี อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองทหารซึ่งลี้ภัยอยู่ในอังกฤษ และลูกสาว ได้รับสารพิษในอังกฤษ