สถานการณ์ต่างประเทศ

นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แถลงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในกรุงลอนดอน เมื่อวานนี้ ว่า สหรัฐ แคนาดา ยูเครน และ 15 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป หรือ อียู เข้าร่วมกับอังกฤษ ในการขับไล่เจ้าหน้าที่การทูตรัสเซียที่ถูกกล่าวหาว่าใช้ภารกิจการทูต บังหน้าการทำงานเป็นสายลับ ออกนอกประเทศรวมกว่า 100 คน ปฏิบัติการครั้งนี้ นับเป็นการ "ขับไล่หมู่เจ้าหน้าที่ข่าวกรองรัสเซียครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์" เมย์ กล่าวอีกว่า การขับไล่พร้อมๆ กัน ถือชัยชนะสำหรับความพยายามของอังกฤษ ในการระดมเสียงสนับสนุนจากนานาชาติ เพื่อลงโทษรัสเซียที่ใช้สารพิษทำลายระบบ ประสาท โจมตี นายเซอร์เก สกรีพัล อดีตสายลับรัสเซียวัย 66 ปี และ น.ส.ยูเลีย สกรีพัล ลูกสาววัย 33 ปี ที่เมืองซอลส์บรีในอังกฤษ เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ที่ผ่านมา เมย์กล่าวย้ำว่า พฤติกรรมที่ "ก้าวร้าวมากขึ้น" ของรัสเซีย เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของกลุ่ม ชาติตะวันตกโดยรวม ที่กรุงวอชิงตัน น.ส.ซาราห์ แซนเดอร์ โฆษกประจำทำเนียบขาว เปิดเผยว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ สั่งขับไล่เจ้าหน้าที่ข่าวกรองรัสเซีย 48 คน และอีก 12 คน ในคณะเจ้าหน้าที่การทูตรัสเซียประจำองค์การสหประชาชาติ ออกนอกสหรัฐภายใน 7 วัน พร้อมทั้งสั่งปิดสถานกงสุลรัสเซียในเมืองซีแอตเติล ทั้งนี้ นับเป็นการปฏิบัติครั้งสำคัญที่สุดจนถึงปัจจุบัน ที่รัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ ใช้ต่อกิจกรรมข่าวกรองของรัสเซีย