สถานการณ์ต่างประเทศ

กระทรวงพาณิชย์ของจีนออกแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ ว่ารัฐบาลปักกิ่งไม่เคยมีความต้องการทำสงครามการค้ากับประเทศใด แต่ไม่มีความหวั่งเกรงหากต้องเผชิญกับสถานการณ์นั้น ทั้งนี้ รัฐบาลปักกิ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลวอชิงตันจะทบทวนการตัดสินใจของตัวเองในเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคี และเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยังประเทศอื่น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลปักกิ่งประกาศรายชื่อสินค้าของสหรัฐ 128 รายการ ที่อาจต้องเผชิญกับมาตการกำแพงภาษีที่สูงขึ้นของจีน หากทั้งสองประเทศไม่สามารถคลี่คลายกรณีพิพาทครั้งนี้ได้ ก่อนที่มาตรการของสหรัฐจะมีผลบังคับใช้ โดยรัฐบาลปักกิ่งแบ่งการใช้มาตรการออกเป็น 2 กรณี คืออัตราภาษี 15% สำหรับสินค้า 120 รายการ รวมถึงผลไม้ ไวน์และท่อเหล็ก คิดเป็นมูลค่ารวม 977 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 30,482.4 ล้านบาท ) และอัตราภาษี 25% สำหรับเนื้อสัตว์แช่แข็งและผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียมจากสหรัฐอีก 8 รายการ คิดเป็นมูลค่ารวม 1,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 59,280 ล้านบาท ) เพื่อสร้าง "ความสมดุลทางการค้า" และเป็นการทดแทนที่จีนต้องสูญเสียผลประโยชน์จากมาตรการกำแพงภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม ที่รัฐบาลวอชิงตันประกาศก่อนหน้านั้นด้วย.