สถานการณ์ต่างประเทศ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ร่วงลง 724.42 จุด หรือ -2.93 ปิดที่ 23,957.89 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา ส่วนดัชนี S&P500 ลดลง 68.24 จุด หรือ -2.52% ปิดที่ 2,643.69 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ. และดัชนี Nasdaq ลดลง 178.61 จุด หรือ -2.43% ปิดที่ 7,166.68 จุด ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน วงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อลงโทษจีนที่ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทสหรัฐ โดยเชื่อว่า มาตรการดังกล่าวจะช่วยให้สหรัฐแข็งแกร่งและมั่งคั่งขึ้น แต่ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก การออกมาตรการเรียกเก็บภาษีของ ปธน.ทรัมป์มีขึ้น หลังจากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) สอบสวนตามมาตรา 301 ต่อพฤติกรรมการทำการค้าที่ไม่เป็นธรรมของจีน โดยสินค้าของจีนที่ตกเป็นเป้าหมายในการเรียกเก็บภาษี เป็นสินค้าในกลุ่มเทคโนโลยีที่จีนมีข้อได้เปรียบเหนือสหรัฐ ขณะที่รัฐบาลจีนส่งสัญญาณเมื่อวานว่า จีนจะไม่ยอมนิ่งเฉย และจะใช้มาตรการที่จำเป็นทุกด้าน เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ พร้อมแสดงท่าทีต่อต้านนโยบายกีดกันการค้าของทรัมป์ นักวิเคราะห์ ระบุว่า นอกจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนแล้ว ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบจากความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐ โดยเฉพาะการโยกย้ายตำแหน่งในคณะทำงานของ ปธน.ทรัมป์ ส่วนการร่วงลงอย่างต่อเนื่องของหุ้นเฟซบุ๊ก ยังได้ฉุดหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลงด้วย ทั้งนี้ หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 2.8% หลังจากนายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอบริษัทเฟซบุ๊ก ยอมรับความผิดพลาดกรณีการรั่วไหลข้อมูลผู้ใช้บริการ 50 ล้านคน ขณะที่หุ้นทวิตเตอร์ ร่วงลงกว่า 4% หุ้นอัลฟาเบท บริษัทแม่ของกูเกิล ดิ่งลง 3.7% หุ้นไมโครซอฟท์ ลบ 2.9% และหุ้นแอปเปิล ปรับตัวลง 1.4% ด้านหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลงเนื่องจากความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทข้ามชาติในภาคอุตสาหกรรม โดยหุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 5.2% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดิ่งลง 5.7% หุ้น 3M ลดลง 3.2% หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงเมื่อคืน โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 3.8% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ดิ่งลง 4.2% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา หุ้นซิตี้กรุ๊ป หุ้นเวลส์ ฟาร์โต ต่างก็ร่วงลงราว 4.1% นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ