สถานการณ์ต่างประเทศ

นางซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกหญิงทำเนียบขาว กล่าวเมื่อวันศุกร์ ว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่พบหารือกับ นายคิม จอง-อึน จนกว่าเกาหลีเหนือจะแสดง "ความชัดเจน" ที่จะนำไปสู่การปลดอาวุธนิวเคลียร์เป็นการถาวรบนคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้นำสหรัฐต้องการ ด้านแหล่งข่าวจากทำเนียบขาว อธิบายว่า คำกล่าวของแซนเดอร์สไม่ใช่ "การเพิ่ม เงื่อนไข" ขณะที่แหล่งข่าวในกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า การพบกัน ระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศจะเป็นการหารือในเบื้องต้น เพื่อปูทางสู่การเจรจา ที่จริงจังมากขึ้นในอนาคต ขณะที่ทรัมป์ทวีตข้อความว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสหรัฐกำลังจัดทำข้อตกลงกับ เกาหลีเหนือ ซึ่งหากประสบความสำเร็จจะเป็นผลดีอย่างยิ่งแก่ทุกฝ่าย ท่าทีดังกล่าวของทำเนียบขาวเกิดขึ้นท่ามกลางเสียงวิจารณ์จากหลายฝ่ายในสหรัฐ นำโดยคณะกรรมาธิการด้านข่าวกรองของวุฒิสภา ซึ่งออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลทรัมป์ "เดินเกมพลาด" ที่ตอบรับคำเชิญของฝ่ายเกาหลีเหนือในทันที ซึ่งจะเป็นการเพิ่ม ความชอบธรรมให้แก่ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือบนเวทีโลก ที่เป็นความต้องการของ รัฐบาลเกาหลีเหนือมานานแล้ว และตั้งคำถามด้วยว่ารัฐบาลสหรัฐจะได้อะไรบ้าง จากการพบกับนายคิม จอง-อึน นอกเหนือจาก "เป็นการสร้างประวัติศาสตร์" และ "การถ่ายภาพคู่กัน" ต่อมารองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ พยายามชี้แจงว่า ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น บ่งชี้ว่า สหรัฐประสบความสำเร็จในการโดดเดี่ยวรัฐบาลเกาหลีเหนือ ซึ่งสร้างแรงกดดัน อย่างหนักจนอีกฝ่ายยอมยื่นข้อเสนอเจรจา ขณะที่เกาหลีเหนือยังไม่แสดงท่าทีใดนับตั้งแต่ นายชอง อวี-ยอง ที่ปรึกษาด้านนโยบาย ความมั่นคงของรัฐบาลเกาหลีใต้ เป็นผู้แถลงเรื่องนี้ที่กรุงวอชิงตัน ว่าการพบหารือ ระหว่างผู้นำสหรัฐกับเกาหลีเหนือจะเกิดขึ้นภายในเดือนพ.ค. นี้ โดยนายชอง อวี-ยอง นำคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลโซลเข้าพบหารือกับนายคิม จอง-อึน ที่กรุงเปียงยาง เมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ และเป็นผู้นำหนังสือเชิญของผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือไปมอบให้ ผู้นำสหรัฐด้วย