สถานการณ์ต่างประเทศ

สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จฯออก ณ ห้องรับรอง พระราชวังบักกิงแฮม เมื่อวันพุธ ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อทรงรับมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย ที่เสด็จเยือนกรุงลอนดอน อย่างเป็นทางการ เป็นเวลา 3 วัน หลังจากนั้น เจ้าชายโมฮัมเหม็ด ทรงพบหารือกับ นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ และคณะรัฐมนตรีของอังกฤษ ที่ทำเนียบ ถนนดาวนิง ซึ่งออกแถลงการณ์ในเวลาต่อมาว่า ทั้งสองประเทศเห็นพ้องเพิ่มความร่วมมือการค้าและการลงทุน มูลค่า 65,000 ล้านปอนด์ (ราว 2.83 ล้านล้านบาท) ครอบคลุมตั้งแต่โครงการด้านการศึกษา จนถึงความร่วมมือด้านความมั่นคง และโครงการด้านพลังงาน สหราชอาณาจักรเร่งแสวงหาหุ้นส่วนนอกภูมิภาค เพื่อขยายเครือข่ายทางเศรษฐกิจ ด้วยความที่ใกล้ถึงกำหนดการสิ้นสุดสถานะสมาชิกสหภาพยุโรป ภายในเดือน มี.ค.ปีหน้า ขณะที่ซาอุดีอาระเบียกำลังพยายามอย่างหนักในการปฏิรูปประเทศ ให้หลุดพ้นการพึ่งพิงรายได้จากน้ำมันเพียงอย่างเดียว นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ แถลงต่อที่ประชุมสภาสามัญในวันเดียวกันว่า การเสด็จเยือนของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด ถือเป็นประวัติศาสตร์ โดยให้เหตุผลเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจและการขยายเครือข่ายด้านข่าวกรอง ส่วนบทบาทของซาอุดีอาระเบียในเยเมน เป็นไปตามการร้องขอของ รัฐบาล แต่นายเจเรมี คอร์บิน ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวประณามรัฐบาลว่าสมคบคิด กับรัฐบาลซาอุฯ ในการก่ออาชญากรรมสงครามในเยเมน ผ่านการลักลอบให้ความช่วยเหลือด้านอาวุธแก่ซาอุดีอาระเบีย การเสด็จเยือนสหราชอาณาจักร ของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด มีขึ้นท่ามกลางการต่อต้านอย่างหนักจากหลายฝ่าย ซึ่งรวมตัวกันประท้วงตามสถานที่สำคัญหลายแห่งในกรุงลอนดอน และมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เพื่อสื่อถึงความเกี่ยวข้องของซาอุดีอาระเบียต่อสงครามในเยเมน ที่มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 10,000 คน ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา