สถานการณ์ต่างประเทศ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 25,029.20 จุด ร่วงลง 380.83 จุด หรือ 1.50% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,713.83 จุด ลดลง 30.45 จุด หรือ 1.11% และดัชนีแนสแดก ปิดที่ 7,273.01 จุด ลดลง 57.35 จุด หรือ 0.78% สำหรับการซื้อขายตลอดทั้งเดือนก.พ. ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลง 4.3% ดัชนี S&P ร่วงลง 3.9% ซึ่งถือเป็นเดือนที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบสองปีสำหรับทั้งสองดัชนี และยังเป็นเดือนแรกที่ดัชนี S&P 500 ร่วงลง หลังจากปรับตัวขึ้นมา 10 เดือนติดต่อกัน ขณะที่ดัชนีแนสแดก ลดลง 1.9% ซึ่งลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2559 ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืน ซึ่งเป็นการซื้อขายวันสุดท้ายของเดือนก.พ.นั้น เป็นไปอย่างผันผวน โดยดัชนีเปิดตลาดพุ่งขึ้นและเคลื่อนไหวในแดนบวก ก่อนที่จะถูก แรงเทขายกระหน่ำในช่วงท้ายตลาด ซึ่งสาเหตุยังคงมาจากความกังวลของนักลงทุน เกี่ยวกับโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดในปีนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงต่อเนื่องมาจากวันอังคาร หลังจาก นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวตอบข้อซักถามจากคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ โดยระบุว่า เฟดมีแผนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ และอาจมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นเป็น 4 ครั้ง หลังจากมีการใช้มาตรการด้านการคลัง กระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราภาษี และการเพิ่มการใช้จ่ายของรัฐบาล ทั้งนี้ หลังจากแถลงต่อสภาผู้แทนฯ แล้ว นักลงทุนยังคงจับตานายพาวเวลแถลงต่อ คณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐ ในวันพฤหัสบดีนี้ต่อไป