สถานการณ์ในประเทศ

พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. เปิดเผยความคืบหน้า กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. สั่งตรวจสอบศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง 37 ศูนย์ทั่วประเทศ หลังนักศึกษาฝึกงานร้องเรียน เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถูกสั่งให้ปลอมเอกสารข้อมูลสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อย ผู้ติดเชื้อเอดส์ และกลุ่มส่งเสริมอาชีพ เป็นเงินกว่า 6 ล้าน 9 แสนบาท ว่า ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนข้อเท็จจริง เบื้องต้นพบว่ามีมูลความผิดจริง จึงสั่งให้ นางพวงพะยอม จิตรคง ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น และเจ้าหน้าที่อีก 3 คน ย้ายออกจากพื้นที่ และวันนี้ คณะกรรมการได้สอบวินัยผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยให้รายงานผลให้ทราบภายในสิ้นเดือนนี้ พร้อมสั่งการให้ขยายผลสอบศูนย์ฯ สังกัด พม.ทั้ง 154 ศูนย์ทั่วประเทศด้วย ล่าสุด ได้รับรายงานจาก อธิบกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) ว่า ได้ส่งหนังสือกำชับให้ทุกศูนย์ฯ ดำเนินการเบิกจ่ายเงินสงเคราะห์ฯ อย่างโปร่งใส และให้ออกมาตรการเพิ่มเติม เพื่อป้องกัน และเพิ่มความเข้มงวด ไม่ให้เกิดช่องว่างในทุจริต รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม.กล่าวต่อว่า ยินดีที่ ป.ป.ท.เข้ามาตรวจ ขอให้ทำงานเต็มที่โดยไม่ต้องเกรงใจ พร้อมให้ข้อมูลที่ขอมาทุกอย่าง อย่างไรก็ตาม การเบิกจ่ายเงินฯ ที่ผ่านมา สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ตรวจสอบการเบิกจ่ายงบของหน่วยงานต่าง ๆ ต่อเนื่อง และ พส.ได้ตรวจสอบมาตลอด แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ ต้องตรวจให้เข้มข้นขึ้น สำหรับกระแสข่าวว่านักศึกษาที่มาร้องเรียน ถูกเจ้าหน้าที่ พม.ตามข่มขู่ ได้สั่งการให้ พส.ส่งเจ้าหน้าที่ไปเยี่ยมและให้กำลังใจแล้ว ถ้ารู้ว่าใครข่มขู่ หรือมีข้อมูลเกี่ยวกับทุจริตการเบิกจ่าย ขอให้แจ้งมาที่ตนเองโดยตรง ผ่านปลัดกระทรวง หรือ พส.ได้เลย แต่ขอว่าต้องเป็นข้อเท็จจริง อย่าได้กลั่นแกล้งกัน ด้านอธิบดี พส. สั่งถ่ายรูปเป็นหลักฐานจ่ายเงิน พร้อมสุ่มตรวจ ยืนยันไม่ได้จับผิด แต่เพื่อความโปร่งใส ---------------------------------- นางนภา เศรษฐกร อธิบดี พส. เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ นางเกษรา ชัยเหลืองอุไร ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านส่งเสริมสวัสดิการสังคม พส. ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบวินัยเรื่องดังกล่าว พร้อมทีมกฎหมาย ลงพื้นที่สืบข้อเท็จจริง เพื่อพิจารณาฐานความผิดและการลงโทษ โดยให้รายงานผลภายใน 15 วัน เพื่อเสนอรัฐมนตรี และให้กำลังใจนักศึกษาที่ร้องเรียนด้วย สำหรับการเบิกจ่าย ต่อไปนี้จะเพิ่มมาตรการ คือ ให้เจ้าหน้าที่ถ่ายรูปขณะรับเงินโดยไม่ต้องใส่ซองขาว และถ่ายรูปตอนลงนามรับเงินด้วย นอกจากนี้ ผู้อำนวยการศูนย์ฯ จะต้องสุ่มตรวจผู้มีสิทธิรับเงินว่าได้รับเงินจริงหรือไม่ ขณะที่ส่วนกลางจะสุ่มตรวจหรือโทรศัพท์สอบถามเป็นรายบุคคล เบื้องต้น จะทยอยตรวจสอบศูนย์ที่ได้รับงบประมาณ เกิน 5 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งมีประมาณ 33 ศูนย์ ส่วนที่เหลือจะทยอยตรวจสอบต่อไป