สถานการณ์ในประเทศ

นายพรชัย จำรูญพานิชย์กุล รักษาการผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง.กล่าวว่า สตง.ได้สุ่มตรวจโครงการรถยนต์คันแรกตั้งแต่ปี 2558 จำนวน 4,000 คัน จากนั้น ได้แจ้งผลการสุ่มตรวจในปี 2559 ให้กรมสรรพสามิตรับทราบ พบว่า มีเจ้าของรถ เข้าข่ายกระทำผิดเงื่อนไขการขอคืนเงิน ประมาณ 1,000 ราย นับว่ามีสัดส่วนสูงถึง ร้อยละ 25 จากยอดการสุ่มตรวจ ดังนั้น กลุ่มกระทำผิดเงื่อนไขต้องคืนเงินภาษีให้รัฐ จากนั้น กรมสรรพสามิต ได้ทำหนังสือชี้แจงในเดือนสิงหาคมปี 2560 โครงการรถยนต์ คันแรกมีประชาชนใช้สิทธิ์ขอคืนภาษีจำนวน 1.25 ล้านราย กรมสรรพสามิตได้คืนเงินภาษี ไปแล้ว จำนวน 1.19 ล้านราย ยังไม่ได้คืนภาษีจำนวน 1.5 แสนคัน เพราะต้องตรวจสอบ ข้อมูลเพิ่มเติมว่าได้ทำผิดเงื่อนไขหรือไม่ หากใครทำผิดเงื่อนไขเรียกเงินคืนได้ตามข้อกำหนด ทั้งนี้ยอมรับว่าโครงการมีขนาดใหญ่ ต้องดูแลเจ้าของรถจำนวนนับล้านคัน อาจมีความ ผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปบ้าง เมื่อต้องใช้ความรวดเร็วในการให้บริการ แต่ สตง. ต้องการให้ตรวจเพื่อความรอบคอบ โปร่งใส และยอดการตรวจสอบส่วนที่เหลือขณะนี้ คาดว่าคงลดลงจาก 1.5 แสนคัน คงไม่ใช่เป็นการตามเก็บเงินภาษีคืนนับหมื่นล้านบาท ตามที่เป็นข่าว เพราะหากเจ้าของรถชี้แจงทางเอกสาร เงื่อนไขต่างๆ กับกรมสรรพสามิต ได้ครบถ้วน จากนั้น กรมสรรพสามิตจะแจ้งข้อมูลไปยังกรมขนส่งทางบก ให้ปลดล็อก เพื่อสามารถโอนรถได้เมื่อครอบครองรถเกิน 5 ปี ดังนั้น จึงอยากให้ทั้งสองหน่วยงาน ทั้งกรมขนส่งทางบก และกรมสรรพสามิต ประสานงาน ในรายที่ได้ตรวจสอบถูกต้องแล้ว เพื่อให้โอนรถยนต์ได้ ยืนยันว่า สตง. ทำการตรวจสอบความถูกต้องเป็นรายบุคคล ไม่ใช่ การตรวจสอบนโยบายรถยนต์คันแรกตามที่ ครม.อนุมัติโครงการว่าถูกต้องหรือไม่ จึงไม่กระทบต่อทั้งโครงการ