หาดใหญ่ เช้านี้วิกฤตหนัก มวลน้ำก้อนใหญ่ทะลักระลอกสอง
24 พฤศจิกายน 2568 09:11 น.
ราคาทองวันนี้ (24 พ.ย. 68) ปรับลง 150 บาท รูปพรรณบาทละ 63,100 บาท 24 พ.ย. 68 09:11 น.
24 พฤศจิกายน 2568 09:11 น.
21 พฤศจิกายน 2568 10:11 น.
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ความเห็น กรณีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งให้มีมหรสพในการหาเสียงได้ว่า การให้มีมหรสพในการเลือกตั้งทำประเทศไทยถอยหลังแค่ 43 ปี เพราะการเลือกตั้งเมื่อ 4 เม.ย.2519 เป็นการเลือกตั้งครั้งสุดท้าย ที่กฎหมายยอมให้ผู้สมัครและพรรคการเมืองสามารถใช้มหรสพในการหาเสียงได้ หลังจากนั้นนับตั้งแต่การเลือกตั้งวันที่ 22 เม.ย.2522 มีการแก้ไขกฎหมายมิให้ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ใช้มหรสพในการหาเสียง และใช้บังคับตลอดมา จนถึงการพิจารณาของ สนช.เมื่อ 25 ม.ค.ได้ตัดข้อความบังคับดังกล่าวออกไป หากการเลือกตั้งครั้งต่อไปเกิดขึ้นในต้นปี 2562 นั่นหมายความว่า เรากำลังกลับไปใช้กฎหมายที่ย้อนยุค นายสมชัย กล่าวต่อว่า เหตุผลหลักของการไม่ควรมีมหรสพในการหาเสียง น่าจะอยู่ที่ต้องการให้การหาเสียงของนักการเมืองเน้นการนำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจของประชาชนในการเลือกตั้ง อาทิ สนใจนโยบายพรรคการเมือง สนใจรายละเอียดของผู้สมัครว่ามีประวัติความเป็นมา มีแนวคิด อุดมการณ์ มีความสามารถในการสื่อสาร มีความมุ่งมั่นตั้งใจ ไปจนถึงบุคลิกภาพที่เหมาะสมที่จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนของปวงชนในสภาอันทรงเกียรติ ให้ผู้สมัครและพรรคการเมืองพัฒนาการหาเสียงให้มีคุณภาพเป็นที่สนใจของประชาชนจากเนื้อหา ไม่ใช่การนำสิ่งจูงใจที่เป็นเปลือก อาทิ การจัดมหรสพมาใช้เพื่อดึงดูดคนมาฟังปราศรัยเท่านั้น นายสมชัย ระบุอีกว่า นอกจากนี้ เหตุผลที่ลึกซึ้ง คือ การจัดมหรสพนั้น มีความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างพรรคใหญ่กับพรรคเล็ก เนื่องจากพรรคใหญ่จะมีทุนในการจัดการมากกว่า หรืออาจมีความเกี่ยวพันกับธุรกิจบันเทิงทั้งในลักษณะการเป็นเจ้าของ หรือการทำธุรกิจร่วมมากกว่าพรรคเล็ก หรือพรรคที่มีฐานะเป็นรัฐบาลก็สามารถใช้ความได้เปรียบในการใช้งบประมาณของหน่วยราชการว่าจ้างดารา นักร้อง มหรสพ เพื่อประชาสัมพันธ์งานในกิจการรัฐ ดังนั้น การไหว้วาน ขอร้อง หรือบังคับในธุรกิจบันเทิงเหล่านี้ ให้มีหน้าหนึ่งในการรับงบประมาณของรัฐเพื่อประชาสัมพันธ์งานราชการ และอีกหน้าหนึ่งก็มาสนับสนุนการหาเสียงของพรรครัฐบาล จึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และสร้างความไม่เป็นธรรมในการเลือกตั้ง เชื่อว่าการตัดสินใจของ สนช.คงมีเหตุผล อยากให้การเลือกตั้งครื้นเครง คึกคัก ให้ประชาชนมาสนใจการปราศรัยหาเสียงของนักการเมืองและพรรคการเมือง แม้จะกำหนดกรอบวงเงินที่เท่ากัน แต่คงยากในการกำกับดูแลของ กกต.ชุดใหม่ ให้เกิดความสุจริตเที่ยงธรรม และเชื่อว่าคงเป็นการตัดสินใจของ สนช. ไม่ได้มีใบสั่งจากใคร