สถานการณ์ในประเทศ

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้าโพล เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนจากทุกภูมิภาค 1,250 คน เรื่อง "คุณธรรมและจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง" พบว่า จริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ควรมีมากที่สุด ประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 54.24 ระบุ ความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส รองลงมา ร้อยละ 13.04 การไม่ใช้อำนาจ ตำแหน่ง หน้าที่ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเองหรือพวกพ้อง ตามด้วย การเอาใจใส่ และความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติ การปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี เคารพกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับของบ้านเมือง แสดงให้เห็นว่า ในสังคมไทยประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการใช้อำนาจ ตำแหน่ง หน้าที่ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเองหรือพวกพ้อง หรือยังไม่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ทับซ้อนเท่าที่ควร ขณะเดียวกัน ประชาชนร้อยละ 42 มองว่า ภาพรวมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (ได้แก่ ครม. สนช. สปท.) ไม่ค่อยมีจริยธรรม มีเพียงร้อยละ 10.48 ที่ระบุว่ามีจริยธรรมมาก ร้อยละ 31.28 ระบุ มีจริยธรรมค่อนข้างมาก ขณะที่ร้อยละ 11.20 ระบุว่า ไม่มีจริยธรรมเลย แสดงให้เห็นว่า แม้ในปัจจุบันประชาชนก็ยังเชื่อว่า ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในภาพรวมไม่ค่อยมีจริยธรรม ซึ่งไม่สอดคล้องกับนโยบายของ คสช. ที่ต้องการเน้นจริยธรรม และปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ทั้งนี้ ถ้าประชาชนต้องเลือกระหว่าง "ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เก่ง มีผลงาน แต่ไม่มีจริยธรรม" กับ "ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มีจริยธรรม แต่ไม่เก่ง มีผลงานน้อย" ประชาชนส่วนใหญ่ ถึงร้อยละ 74.88 ระบุว่า จะเลือกผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มีจริยธรรม แต่ไม่เก่ง มีผลงานน้อย ขณะที่ร้อยละ 17.36 จะเลือกผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เก่ง มีผลงาน แต่ไม่มีจริยธรรม ส่วนร้อยละ 3.68 ไม่เลือกทั้งสองแบบ แสดงให้เห็นว่า มากกว่า 3 ใน 4 ของประชาชน ยอมรับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ "ไม่เก่งแต่ไม่โกง" มากกว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ "เก่งแต่โกง" สำหรับสิ่งที่ควรทำเพื่อให้ประเทศมีแต่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ดี เก่ง มีผลงาน และมีจริยธรรม ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 35.20 ระบุ ควรมีบทลงโทษทางวินัยอย่างเคร่งครัด รองลงมา ร้อยละ 29.52 ควรมีหน่วยงานตรวจสอบคุณธรรม จริยธรรม และความประพฤติของนักการเมือง ตามด้วย ควรมีระบบคัดกรองนักการเมืองน้ำดี มีคุณภาพ ประชาชนต้องไม่ซื้อสิทธิขายเสียง