สถานการณ์ในประเทศ

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหา 4 คน ประกอบด้วย นายอายัค ไซมอน อีโก้ สัญชาติแคเมอรูน , น.ส.เจรติ (เจ-ระ-ติ) หรือแอน สายสิน , น.ส.ปวีณา หรืออ้อม สิงห์วิบูลย์ และน.ส.พรหมพร หรือแตน พงษ์เจริญคุณากร สืบเนื่องจากคดี น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ ที่ถูกคนร้ายนำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคาร 8 ธนาคาร 10 บัญชี แล้วหลอกลวงประชาชนในลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โอนเงินเข้าบัญชี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ระบุว่า คนร้ายแบ่งหน้าที่กันทำชัดเจน โดย นายไซมอน ทำหน้าที่จ้างวานหาบัญชี และนำบัตรเอทีเอ็มไปกดเงิน ส่วนนางสาวเจรติ ทำหน้าที่รับเปิดบัญชี 3 บัญชี , น.ส.ปวีณา รับเปิดบัญชี 5 บัญชี และ น.ส.พรหมพร เปิดบัญชี 2 บัญชี ซึ่งมีการกระทำความผิดท้องที่ ทั้ง สน.ห้วยขวาง, ภาษีเจริญ, ทุ่งมหาเมฆ, ลาดพร้าว, หลักสอง, วังทองหลาง แผนประทุษกรรมลักษณะนี้ คล้ายแก๊งโรแมนซ์สแกรม แต่ที่เหมือนกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คือ การหลวงลวงประชาชน จากการสืบสวนสอบสวนทำให้ทุกอย่างกระจ่างขึ้น สามารถตอบข้อสงสัยของสังคมได้ ตามพยานหลักฐานที่ปรากฏขณะนี้ ยังไม่พบว่า น.ส.ณิชา มีความผิด ส่วนเงินในบัญชี 6 ล้านบาท ที่มีการตั้งข้อสังเกตนั้น ตรวจสอบแล้วเป็นเงินหมุนเวียนตั้งแต่ปี 2554 ไม่มีความเชื่อมโยงกับการทำความผิด และไม่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงอีกว่า การคลี่คลายคดีนี้ เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 กองบัญชาการตำรวจนครบาล และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ซึ่งเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญ และกำชับให้ช่วยเหลือประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อ ส่วนข้อสงสัยที่ น.ส.ณิชา ทำบัตรประจำตัวประชาชนหายถึง 3 ครั้ง จากการสอบสวนทราบว่า น.ส.ณิชา ได้แจ้งบัตรหาย 2 ครั้ง โดยครั้งแรกอนอายุ 15 ปี แล้วบัตรก็หมดอายุไป ก่อนทำใหม่อีกครั้ง และทำหายที่ร้านสะดวกซื้อ ซึ่งนางสาวปวีณา นำบัตรจากร้านสะดวกซื้อไป แล้วนำไปเปิดสมุดบัญชีเงินฝาก ทั้งนี้ น.ส.ณิชา พร้อมพี่สาว ได้มอบดอกไม้เพื่อขอบคุณตำรวจ ให้แก่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะทำงาน โดยกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วย โดยเฉพาะศูนย์ปราบคอลเซ็นเตอร์ ที่ทำให้ความจริงปรากฏ เรื่องนี้ถือว่าเป็นบทเรียนให้ตนเองและสังคม เป็นกรณีตัวอย่าง ถ้าใครทำบัตรประชาชนหายให้รีบไปแจ้งความ จะได้หาวิธีป้องกันให้ทันท่วงที พร้อมระบุว่า ตั้งแต่เป็นข่าว การใช้ชีวิตค่อนข้างไม่ปกติ เพราะต้องเดินสายพบเจ้าหน้าที่ตลอด ส่วนจะฟ้องธนาคารหรือไม่ ขอปรึกษากับทนายความก่อน เพราะไม่มีความรู้ในด้านข้อกฎหมาย น.ส.ณิชา ยังกล่าวขอบคุณครอบครัว และเพื่อน ๆ ที่ให้กำลังใจมาตลอด