สถานการณ์ในประเทศ

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยภายหลังการหารือ กับผู้บริหารของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ว่า มีหลายประเด็นที่ได้พูดคุยกัน โดยประเด็นที่เป็นห่วงคือเรื่องของเงินบาทแข็งค่า ซึ่งมองว่าขณะนี้พื้นฐานของไทยดีขึ้นมาก ทั้งการลงทุนโดยตรงและการลงทุนผ่านตลาดหุ้นที่มีเข้ามามาก ไม่ใช่การเข้ามาลงทุนในไทยเพียงประเทศเดียว แต่ตลาดหุ้นเอเชียดีขึ้นยกแผง การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็เป็นไปตามระนาบที่แข็งค่าขึ้นเหมือนกันหมด ยกเว้นบางประเทศที่มีปัญหา ทางการเมืองอยู่ พร้อมมองว่า ธปท.มีหน้าที่ดูแลรักษาเสถียรภาพของค่าเงินไม่ให้มีความ ผันผวน ซึ่งมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ ก็ควรต้องเข้าไปดูแล แต่ไม่ใช่เข้าไปแทรกแซง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ยังได้หารือเรื่องฟินเทค หรือ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ การเงิน ที่ให้นโยบายไปชัดเจนว่าต้องการให้เกิดการขยายตัวของฟินเทค เพราะจะเป็น ตัวช่วยให้เกิดการบริการและการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ใช้การขับเคลื่อนของเทคโนโลยี เป็นพื้นฐาน โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลังไปดูแนวทางการสนับสนุนให้เกิดฟินเทค ขึ้นมา และให้กระทรวงการคลังและ ธปท. ร่วมหาแนวทางในการนำธนาคารพาณิชย์ เข้ามาร่วม โดยอย่ามองว่าฟินเทคจะทำให้เกิดความลำบาก แต่ในทางกลับกันจะเป็น ตัวเสริมให้ธนาคารพาณิชย์สามารถสร้างสตาร์ทอัพขึ้นมาได้มาก นายสมคิด ยังกล่าวถึงเรื่องบิทคอยน์หรือสกุลเงินดิจิทัล ว่า ถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้น ยังไม่มีใครรู้ว่าจะไปถึงจุดไหน และเป็นพัฒนาการที่เกิดขึ้นทุกแห่งในโลก ทั้งนี้ ได้หารือ กับ ธปท.ว่า ยังเป็นการใช้บิทคอยน์เฉพาะกลุ่ม ยังไม่เป็นสกุลเงิน หรือเป็นสิ่งที่คนไปลงทุน เพื่อหวังผลในอนาคต และยังไม่ถึงจุดที่จะเป็นเงินที่ใช้แทนระบบเงินเก่า พร้อมกันนี้ ได้ฝาก ให้ ธปท.ช่วยดูแล เพื่อไม่ให้เป็นกลไกในการฟอกเงิน หรือเกิดการหลอกหลวงประชาชน