สถานการณ์ในประเทศ

เมื่อคืนที่ผ่านมา พลตำรวจเอก วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่บริเวณ ด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดขางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพ และตรวจการอำนวยความสะดวกให้ผู้เดินทางรถโดยสารสาธารณะ สถานีขนส่งหมอชิต ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การตั้งด่านตรวจดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้คัดกรองผู้ที่มีแอลกอฮอลล์ มาตรวจวัดปริมาณ พบนายเอ อายุ 26 ปี พักอาศัยอยู่ย่านตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพ ขับรถยนต์สีเทา หมายเลขเลขทะเบียน 1 กฆ 5471 กทม. มีลักษณะคล้ายคนเมา จึงขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แต่ปรากฏว่า นายเอ กลับใช้ปาก-อมไว้ ไม่ยอมเป่า จากนั้นเจ้าหน้าได้อธิบายขั้นตอนการเป่าที่ถูกวิธี พร้อมทั้งอธิบายว่ามีกฎหมายใหม่ หากไม่ยอมเป่าทดสอบแอลกอฮอล์ โทษเท่ากับเมาแล้วขับ ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามพูดคุย ให้นายเอ ทำการเป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ประมาณ 30 นาทีแต่ไม่เป็นผล นอกจากนี้ เมื่อตรวจสอบภายในรถ ยังพบสุรายี่ห้อหนึ่ง เปิดดื่มไปแล้วครึ่งขวด เจ้าหน้าที่ จึงแจ้งข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน เมาแล้วขับ และไม่พกพาสำเนารถ ก่อนนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลวิภาวดี เพื่อดำเนินคดี พลตำรวจเอก วิระชัย กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาช่วงเทศกาลปีใหม่ อุบัติเหตุบนท้องถนน สาเหตุ ส่วนใหญ่มาจากเมาแล้วขับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีมาตรการเข้มงวดกวดขันวินัยจราจร โดยเฉพาะเมาแล้วขับ ซึ่งในปีนี้ปรับเพิ่มบทลงโทษ ถ้าเมาแล้วขับ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท และเพิกถอนใบอนุญาต 6 เดือน ทั้งนี้ หากเมาแล้วขับ แล้วก่อให้เกิด อุบัติเหตุ มีโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท และเพิกถอนในอนุญาต 1 ปี และ สุดท้ายถ้าเมาแล้วขับและมีผู้เสียชีวิต มีโทษจำคุก 3-10 ปีปรับ 60,000-200,000 บาท และเพิกถอนใบอนุญาตตลอดชีวิต นอกจากนั้น ยังมีมาตรการในการตรวจสอบประวัติ หากผู้ใดเคยมีประวัติการเมาแล้วขับ จะถูกเพิ่มโทษ หรือผู้ใดที่ถูกรอลงอาญาในข้อหาเมาแล้วขับ โดยเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบประวัติ ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มโทษหรือให้ศาลพิจารณาโทษทันทีโดยไม่ต้องรอลงอาญา