สถานการณ์ต่างประเทศ

กองทัพซิมบับเว คุมอำนาจเบ็ดเสร็จ และกักบริเวณประธานาธิบดีโรเบิร์ต มูกาเบ วัย 93 ปี หลังจากเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่ช่วงรุ่งสางของวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งยืนยันว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่การรัฐประหาร แต่เป็นเพียงการจัดการกับ อาชญากร ที่สร้างความเจ็บปวดทางการเมืองและเศรษฐกิจให้กับประชาชน โดยยัง ไม่มีการระบุอย่างชัดเจนว่าใครคือผู้นำภารกิจครั้งนี้ แต่ พลเอก คอนสแคนติโน ชิเวนกา ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของซิมบับเว กล่าวเมื่อต้นสัปดาห์ ว่ากองทัพ อาจต้องแสดง บทบาท หากประธานาธิบดีมูกาเบ และพรรคสหภาพแห่งชาติซิมบับเวแอฟริกัน ยังไม่ยุติการกวาดล้างฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ทั้งนี้ สถานการณ์ทางการเมืองในซิมบับเว อยู่ในภาวะตึงเครียดที่สุดในรอบ 30 ปี หรือตั้งแต่ ประธานาธิบดีมูกาเบ ขึ้นครองอำนาจเมื่อปี 2530 หลังจากผู้นำซิมบับเว ปลดนายเอ็มเมอร์สัน นันกากวา ซึ่งมีสายสัมพันธ์อันดีกับกองทัพซิมบับเว ออกจากตำแหน่งรองประธานาธิบดี โดยกล่าวหาอีกฝ่ายพยายามล้มอำนาจเขา แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นความพยายามควบรวม อำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ ของประธานาธิบดีมูกาเบ ด้วยการเตรียมแต่งตั้งภริยาวัย 52 ปี ให้รับ ตำแหน่งรองผู้นำ อย่างไรก็ตาม บรรยากาศในกรุงฮาราเร วันนี้ ประชาชนยังคงใช้ชีวิตตามปกติ สหภาพแอฟริกา ออกแถลงการณ์ วิจารณ์สถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นในซิมบับเว ว่า ไม่ต่างอะไรกับการรัฐประหาร และเรียกร้องให้กองทัพซิมบับเว คืนอำนาจตามแนวทาง ประชาธิปไตย ให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด ด้านทำเนียบประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ เผยแพร่แถลงการณ์ของประธานาธิบดีจาค็อบ ซูมา ว่า มีโอกาสสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโรเบิร์ต มูกาเบ ซึ่งผู้นำซิมบับเว วัย 93 ปี ยืนยันว่า สบายดี แต่อยู่ภายใต้การกักบริเวณโดยกองทัพ และไม่สามารถเปิดเผยสถานที่ พำนักได้ ขณะที่ นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เรียกร้องให้คู่กรณีทุกฝ่ายในซิมบับเว หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงและเจรจากันโดยเร็วที่สุด เพื่อคลี่คลายวิกฤตการณ์ครั้งนี้ อย่างสันติ