สถานการณ์ในประเทศ

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. รับทราบรายงานผลดัชนีความสามารถทางการแข่งขันระดับโลก ประจำปี 2560 โดย World Economic Forum และพอใจที่อันดับขีดความสามารถของไทยปรับขึ้นจากอันดับที่ 34 เมื่อปีที่แล้ว เป็นอันดับที่ 32 ในปีนี้ โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า สะท้อนว่ารัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว และเชื่อว่าสิ่งนี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ การขยับขึ้นแต่ละอันดับไม่ใช่เรื่องง่าย และเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถของทุกภาคส่วน โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลพยายามอย่างยิ่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทุกด้าน โดยเฉพาะการคมนาคมขนส่งและระบบอินเทอร์เน็ต รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพคนเพื่อรองรับการก้าวไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ทำให้อันดับขีดความสามารถหลายด้านปรับดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด เช่น สัดส่วนการเป็นสมาชิกโทรศัพท์ เคลื่อนที่ จากอันดับที่ 55 ในปีที่แล้ว เป็นอันดับ 5 ในปีนี้ และการเข้าศึกษาในระดับมัธยม จากอันดับ 84 เป็นอันดับ 8 ส่วนการพัฒนาด้านนวัตกรรมและความพร้อมทางเทคโนโลยี ได้รับการจัดอันดับที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญด้วย โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรียังระบุว่า ประเด็นด้านการเงินและการตลาดของไทย ได้รับการยอมรับในระดับสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก เช่น การจัดหาเงินทุนผ่านทางตลาดทุนในประเทศ ความพร้อมของบริการทางการเงิน ความแข็งแกร่งของระบบธนาคาร ความเพียงพอของทุนร่วมเสี่ยง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รัฐบาลจะต้องพัฒนาให้ดีขึ้นไปอีกและกำลังดำเนินการอยู่ คือ การสร้างเสถียรภาพทางการเมือง การพัฒนากฎหมาย การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา และการกระจายความเจริญด้านเทคโนโลยีไปยังพื้นที่ภูมิภาคทั่วประเทศ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า นอกจากสิ่งที่รัฐบาลและความร่วมมือของทุกส่วนจะเป็นปัจจัยหนึ่งของความสำเร็จแล้ว ความสม่ำเสมอของการส่งข้อมูลความก้าวหน้าในเรื่องต่างๆ ของประเทศไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์การการค้าโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ก็เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ จึงฝากกำชับหน่วยงานที่รับผิดชอบไว้ด้วย ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าดัชนีความสามารถทางการแข่งขันนี้ มีความเชื่อมโยงกับแนวโน้มการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยแม้ว่าข้อมูลส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องนักธุรกิจหรือผู้ประกอบการ แต่รัฐบาลยืนยันว่าจะไม่ทอดทิ้งพี่น้องเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย และเมื่อประเมินจากตัวเลขการส่งออกและการบริโภคภายในประเทศแล้ว คาดว่าเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวได้มากกว่าที่ธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย หรือเอดีบี คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 3.5