สถานการณ์ในประเทศ

นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกและคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ แถลงกรณี ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีโครงการรับจำนำข้าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ตรวจสอบตั้งแต่เป็นฝ่ายค้าน ยืนยันไม่ได้ต้องการล้มพรรคเพื่อไทย หรือต้องการจัดการกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่ทำเพื่อปกป้องความถูกต้องและล้มการทุจริต ยืนยันคดีนี้ไม่ใช่คดีทางการเมือง แต่เป็นคดีอาญา ที่เกิดขึ้นตามปกติจากการปฏิบัติหน้าที่ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายจากนโยบายรัฐบาล ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทราบเรื่องดี แต่ไม่ระงับยับยั้ง ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แม้จะไม่มีการปฏิวัติรัฐประหาร คดีก็ต้องเดินตามครรลองกระบวนการยุติธรรมตามปกติ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เกิดขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2540 ไม่ใช่ศาลที่ทหารตั้งมาเพื่อจัดการเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ แต่เหตุใด นายกฯ รองนายกฯ ด้านกฎหมาย และกระทรวงการต่างประเทศ ไม่คิดจะอธิบาย นายราเมศ กล่าวอีกว่า รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ ไม่ใช่อธิบายให้แคลงใจ เพราะถ้า คสช.และรัฐบาล ไม่อธิบาย จะกลายเป็นจำเลยเสียเอง และท้ายที่สุดสังคมโลกจะมองประเทศไทยผิดไปจากความจริง และอำนาจอธิปไตยของไทยจะถูกท้าทายได้ โดยเฉพาะอำนาจตุลาการ การที่นายกรัฐมนตรีจะไปพบผู้นำชาติต่าง ๆ ขอให้ช่วยอธิบายคดีที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการทุจริตด้วย เพื่อให้สังคมโลกเข้าใจว่า ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร โดยเฉพาะน.ส.ยิ่งลักษณ์ รองโฆษกและคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ยังเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศ เร่งทำเรื่องถอนหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ต น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะผ่านวันที่ 27 ก.ย. ที่ศาลตัดสิน ตามที่ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ เมื่อ 5 ก.ย.ว่า การดำเนินกระบวนการเพิกถอนพาสปอร์ต ต้องผ่านวันที่ 27 ก.ย.ไปก่อน หวังว่าจะมีคำตอบในเร็ววัน เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดลงโทษ