สถานการณ์ต่างประเทศ

อิทธิพลของเฮอริเคนฮาร์วีย์ ที่สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างในรัฐเท็กซัส ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 31 คน ในจำนวนนี้ 6 คนเป็นสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน แต่จำนวนผู้เสียชีวิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากมีรายงานผู้สูญหายอีกอย่างน้อย 17 คน ขณะที่ประชาชนอีกกว่า 32,000 คน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนไปอาศัยตามศูนย์ พักพิงชั่วคราว เนื่องจากระดับน้ำที่ท่วมสูงกว่า 1 เมตร แม้สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ รายงานว่า เฮอริเคนฮาร์วีย์อ่อนกำลังลงเป็นพายุ โซนร้อนแล้ว แต่จะยังคงส่งผลให้เกิดฝนตกหนักและมีปริมาณน้ำฝนสะสม ระหว่าง 7.5 ถึง 15 เซนติเมตร ภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมงข้างหน้า ส่วนในรัฐหลุยเซียนา กระแสลมกระโชกอาจก่อให้เกิดคลื่นพายุซัดฝั่งสูงถึง 1.2 เมตร ตามแนวชายฝั่งตะวันตก ของรัฐหลุยเซียนา สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติพยากรณ์ด้วยว่า จะไม่มีฝนตก ในรัฐเท็กซัส ระหว่างวันพฤหัสบดีถึงวันศุกร์นี้ อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของพายุฮาร์วีย์ยังคงส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรม การกลั่นน้ำมันในภูมิภาคทางใต้ของสหรัฐ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุด ของประเทศ โดยนิคมปิโตรเลียมขนาดใหญ่ที่สุด 2 แห่ง ในอเมริกาเหนือ คือ นิคม พอร์ต อาร์เธอร์ และนิคมเบย์ทาวน์ ยังคงต้องระงับการผลิต เนื่องจากมีน้ำท่วม ในพื้นที่โดยรอบ ขณะที่กระทรวงพลังงานสหรัฐประกาศยกเว้นค่าธรรมเนียมเชื้อเพลิง ให้ประชาชนในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติครั้งนี้ มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส หนึ่งในบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของสหรัฐ ประเมินมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจของรัฐเท็กซัส จากอิทธิพลของพายุฮาร์วีย์ อยู่ที่ 51,000 ถึง 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.69 - 2.49 ล้านล้านบาท