สถานการณ์ในประเทศ

นายแพทย์ โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยความคืบหน้า การสืบสวนกรณีข้าราชการระดับสูงลวนลามลูกจ้างสาว ว่า ผู้ถูกกล่าวหายอมรับกับคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงว่า ได้กระทำการในลักษณะหยอกล้อที่ไม่ค่อยเหมาะสม แต่ไม่ได้เจตนาจะลวนลามเชิงชู้สาวหรือคุกคามทางเพศ คณะกรรมการฯ สรุปผลว่า เป็นพฤติกรรมที่ไม่สมควรกระทำต่อผู้ใต้บังคับบัญชา และยังทำในสถานที่ราชการ อยู่ในเครื่องแบบข้าราชการ ทำให้ผู้ถูกกระทำไม่พอใจ อึดอัด อับอาย แต่ต้องจำยอมฝืนทนไม่กล้าต่อว่าหรือขัดขืนรุนแรง จึงถือเป็นการคุกคามทางเพศตามกฎของ สำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ว่าด้วยการกระทำอันเป็นการ ล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ พ.ศ.2553 นอกจากนี้ ผู้ถูกกล่าวหามักแสดงพฤติกรรมวางอำนาจ ข่มขู่ผู้ใต้บังคับบัญชาในกรณีแตกต่างกันไป มักแสดงกิริยาไม่พอใจ อารมณ์เสีย เวลาผู้ใต้บังคับบัญชาขัดใจหรือไม่ทำตามสิ่งที่ต้องการ คณะกรรมการฯ จึงมีความเห็นว่ามีมูลเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง จึงควรตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรง จะใช้เวลา 120 วัน โดยเชิญคนนอกที่เกี่ยวข้องมาเป็นกรรมการสอบด้วย จำนวนไม่เกิน 5 คน ซึ่งอาจจะเร็วว่านั้นก็ได้ ถ้าพบว่าเป็นความผิดวินัยร้ายแรง จะลงโทษด้วยการปลดออกหรือไล่ออก โดยกรณีปลดออก ยังสามารถรับบำเหน็จ บำนาญได้ แต่ถ้าไล่ออกจะไม่ได้รับเลย อย่างไรก็ตาม ถ้าผลออกมาว่าไม่ใช่ผิดวินัยร้ายแรง จะลงโทษด้วยการภาคทัณฑ์ ลดเงินเดือน ลดขั้น เป็นต้น ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีผู้บังคับบัญชาในสายงานของข้าราชการคนดังกล่าว ไม่เข้ามาไกล่เกลี่ย พบว่าทราบเรื่องมาเป็นระยะเวลาพอสมควร แม้ไม่ทราบจากลูกจ้างที่ถูกกระทำโดยตรง แต่ถือว่าทราบเรื่องแล้ว แต่ไม่ได้แก้ไขปัญหาตามกระบวนการที่กฎหมายกำหนด คณะกรรมการฯ เห็นว่ามีมูลเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง จึงให้ตั้งคณะ กรรมการสอบวินัยไม่ร้ายแรง โดยไม่ได้สั่งย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่อื่น แต่ถ้ามีผลต่อการสอบวินัย อาจจะสั่งย้ายในภายหลังได้ ยืนยันแม้ยังอยู่ในหน้าที่ก็ไม่มีผลต่อการพิจารณา เรื่องการจ้างงานของลูกจ้างคนดังกล่าว ด้านนายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต รองปลัดกระทรวงสาธารณะสุข เปิดเผยว่า จากการพูดคุยกับลูกจ้างสาวที่ถูกกระทำ พบความเครียดปานกลางวิตกกังวลว่า อาจจะถูกทำร้าย จึงพูดคุยกับญาติ ให้มารับกลับบ้านหลังเลิกงาน พร้อมสั่งห้ามข้าราชการที่ถูกกล่าวหา เข้ามาบริเวณอาคารสำนักปลัดกระทรวง และห้องทำงานของลูกจ้างสาวด้วย