สถานการณ์ในประเทศ

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด หรือ ปส. ร่วมแถลงผลการจับกุม ขบวนการค้ายาเสพติด 3 คดี ได้ผู้ต้องหา 10 คน ของกลางเป็นยาบ้า เกือบ 4 ล้านเม็ด และเฮโรอีน อีกกว่า 44.84 กิโลกรัม พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ ผู้บังคับการสกัดกั้นยาเสพติด เปิดเผยว่า คดีแรกเจ้าหน้าที่ สามารถจับกุมแก็งค้ายาเสพติด คือ นายวรพงศ์ ฤชาจิรกิจ อายุ 64 ปี และพวกรวม 4 คน พร้อมยาบ้า 3.8 ล้านเม็ด โดยขับรถบรรทุก 4 ล้อแบบตู้ทึบ ยี่ห้อมิตซูบิชิ ผ่านด่านเอ็กซ์เรย์ ตรวจค้นยาเสพติดแม่พริก จ.ลำปาง จากการตรวจค้นพบยาบ้าซุกซ่อนในห้องลับที่ดัดแปลง ในกระบะรถบรรทุก สอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า ทำมาแล้ว 3 ครั้งก่อนถูกจับกุม ในครั้งนี้ โดยเตรียมขนลงมายังพื้นที่พุทธมณฑล เพื่อเตรียมกระจายยาในพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง อีกคดี เจ้าหน้าที่จับกุม นายภูวนัย แซ่เห้อ อายุ 21 ปี และพวกรวม 3 คน พร้อมยาบ้า 1 แสนเม็ด โดยจับกุมได้ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ขณะที่ พล.ต.ต.ดุษฎี ชูสังกิจ ผู้บังคับการ ปส.4 เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ ปส. สามารถจับกุม แก็งของ นายธนาพัฒน์ หรือพัฒน์ คำทอง อายุ 39 ปี พร้อมพวกรวม 3 คน พร้อมเฮโรอีน จำนวน 118 แท่ง น้ำหนักประมาณ 44.84 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 89 ล้านบาท หลังชุดจับกุม สืบทราบว่า ขบวนการค้าย้าแก็งนี้จะลำเลียงยาเสพติด ประเภทเฮโรอีนจากภาคเหนือ ลงไปยังพื้นที่ภาคใต้ เพื่อส่งต่อไปยังประเทศมาเลเซีย โดยตำรวจสามารถจับกุมได้ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใกล้สนามบินหาดใหญ่ ด้าน พล.ต.ท.สมหมาย เปิดเผยว่า ปัจจุบันยาเสพติดที่ผลิตตามแนวชายแดน มักจะถูก ลำเลียงผ่านประเทศไทย เพื่อไปยังประเทศมาเลเซียมากขึ้น ส่วนใหญ่จะส่งต่อไป อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย โดยเฉพาะไอซ์ พบว่า มีการนำไปสู่ประเทศอินโดนีเซีย แล้วกว่า 70 ตัน ทั้งนี้ ยอมรับว่าการสกัดจับยาเสพติดยากขึ้น เนื่องจากเป็นการค้า ระดับอุตสาหกรรม ยิ่งจับมากก็ยิ่งถูกส่งมาทดแทนจำนวนมาก จากเดิมที่ยาบ้ามี ยอดผลิตเพียง 500 ล้านเม็ดต่อปี ขณะนี้เพิ่มเป็น 5,000 ล้านเม็ด ดังนั้น จึงต้องยก ระดับการจับกุมจากภายในประเทศ เป็นความร่วมมือจับกุมระหว่างประเทศแทน ทั้งนี้ ยอมรับว่าเครื่องมือพิเศษที่ใช้เฝ้าสังเกตจับกุมยังไม่เพียงพอต่อปริมาณยาที่ทะลัก เข้าประเทศ ที่มีจำนวนอย่างมหาศาล