สถานการณ์ในประเทศ

พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกรณีคนร้ายบุกปล้นเต็นท์รถ ที่ อ.นาทวี จ.สงขลาว่า เป็นเรื่องใหม่ ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น ผู้ก่อเหตุรุนแรงพยายาม พลิกแพลงสถานการณ์ไปตามรูปแบบ โดยใช้วิธีการที่ไม่คาดคิด ตนยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ พยายามวางมาตรการป้องกันอยู่แล้ว แต่พื้นที่กว้างอาจดูแลได้ไม่สมบูรณ์ ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้โทรศัพท์มาถึงตน เพื่อสั่งการให้เร่งรัดคลี่คลายสถานการณ์ให้ได้โดยไว จนถึงปัจจุบัน สามารถยึดรถที่ถูกปล้นไปคืนทั้งหมด เหลือเพียง 1 คัน คือ รถกระบะยี่ห้อมาสด้า ที่คนร้ายใช้หลบหนี ซึ่งในพื้นที่กำลังเร่งรัดตามหาอยู่ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้ที่เสียชีวิตทั้ง 2 คน ที่เป็น ประชาชนที่อยู่เต็นท์รถแล้วถูกจับเป็นตัวประกัน ซึ่งต้องกำชับเรื่องการดูแลความ ปลอดภัยกันต่อไป โดยสั่งการ พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ว่า การระวัง ป้องกันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บางครั้งยอมรับว่าเป็นพื้นที่กว้าง แต่เมื่อเกิดเหตุแล้ว ต้อง เร่งรัดคลี่คลายสถานการณ์ให้ได้โดยไว ซึ่งวัตถุประสงค์ของผู้ก่อเหตุรุนแรงต้องการรถ 5 คัน ไปติดระเบิดเพื่อนำไปก่อเหตุในพื้นที่เศรษฐกิจ แต่เจ้าหน้าที่สามารถคลี่คลาย สถานการณ์ได้ทั้งหมด ต้องชื่นชมเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่เร่งรัดติดตามรถ ส่วนรถอีก 1 คัน คาดว่าจะติดตามได้ภายใน 1-2 วันนี้ เมื่อถามว่าหลายฝ่ายมองว่าเป็นการกระทำของกลุ่มคนหน้าขาว ซึ่งไม่เคยมีประวัติ อาชญากรรมมาก่อน พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ เพราะแกนนำจะ พยายามชักชวนคนรุ่นใหม่ที่ไม่มีประวัติก่อเหตุเข้ามา เพื่อให้ง่ายต่อการหลบหลีกและ พลิกแพลงการก่อเหตุ แต่คนเหล่านี้พื้นฐานไม่ได้เกิดจากอุดมการณ์โดยตรง แต่อาจ จะเกิดจากการจ้างวาน ซึ่งยอมรับว่าเป็นปัญหาเรื่องการติดตามตัว เพราะยังไม่มี ประวัติ แต่เหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ทราบว่าได้ตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว 4 คน เมื่อถามว่าจะป้องกันการสร้างกลุ่มผู้ก่อเหตุรุ่นใหม่อย่างไร พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า พื้นที่ใดที่เป็นเป้าหมาย เราก็จะไปปิด เช่น สถานศึกษาต่างๆ แต่ก็มีการพลิกแพลง แผนไปเรื่อยๆ ซึ่งทุกฝ่ายในพื้นที่ต้องเพ่งเล็งเรื่องนี้ และติดตามอยู่ โดยต้องอาศัย ความร่วมมือขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่นช่วยดูคนเหล่านี้ ที่ผ่านมา ก็มีการจับกุม ตัวอดีตผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ เมื่อถามว่าควรเปลี่ยนตัวแม่ทัพภาคที่ 4 หรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า คงไม่ใช่ สถานการณ์แบบนี้ ว่าจะต้องเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน เพราะมีปัจจัยอื่นๆ อีกมาก แต่การทำงานที่ผ่านมา ตนขอชื่นชมแม่ทัพภาคที่ 4 ทำงานดี โดยเฉพาะงานด้าน การข่าว ทั้งนี้ กลไกการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ใช่แม่ทัพภาคที่ 4 เพียงคนเดียว และเรื่องนี้ไม่ใช่ความรับผิดชอบของแม่ทัพภาคที่ 4 ว่า ถ้าเกิดเหตุแล้ว ต้องเปลี่ยน คงไม่ใช่ประเด็น