สถานการณ์ในประเทศ

นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ในฐานะเลขานุการ ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ หรือ ศอตช. แถลงผลประชุม คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ หรือ คตช. ครั้งที่ 2/2560 ว่า ก่อนการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มอบนโยบายก่อนการปฏิบัติว่า การดำเนินคดีกับทุกกลุ่มต้องเป็นไปอย่างเท่าเทียม เจ้าหน้าที่รัฐและเอกชนที่กระทำผิด ต้องถูกดำเนินการด้วย และการแก้ไขปัญหาต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ นอกจากนี้ ยังมีการเสนอให้ที่ประชุมพิจารณา ให้เจ้าหน้าที่รัฐทุกคน ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน โดยจัดเก็บไว้กับส่วนราชการที่สังกัด ด้วยระบบดิจิทัล ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือ กพ. ได้ศึกษาร่วมกับมหาวิทยาลัยแล้ว แต่นายกรัฐมนตรี ขอให้ไปศึกษาให้ละเอียดรอบคอบว่า มีประเทศไหนบ้างที่ทำลักษณะนี้ และมีผลกระทบอื่น ๆ ตามมาหรือไม่ นายประยงค์ ปรียาจิตต์ กล่าวอีกว่า การแสดงบัญชีทรัพย์สินของข้าราชการที่เสนอ เป็นการป้องกันข้าราชการที่เริ่มเข้ารับราชการ ต้องชี้แจงก่อนเข้ามาว่า มีทรัพย์สินอะไรบ้าง พอทำงานไประยะหนึ่ง ก็จะต้องชี้แจงอีกครั้ง เพื่อเป็นการป้องกันและปิดโอกาสให้ได้ยั้งคิด โดยนายกรัฐมนตรี สั่งการว่าถ้าจะทำต้องทำทุกกลุ่มเป้าหมาย และกำหนดมาตรการให้สอดคล้องกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ส่วนความคืบหน้าคดีสำคัญต่าง ๆ เช่น กรณีกล้องซีซีทีวีในพื้นที่ภาคใต้ ป.ป.ท. และกระทรวงศึกษาธิการกำลังดำเนินการอยู่ สำหรับการเรียกรับเงินโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ป.ป.ท.ด้ตรวจสอบเสร็จแล้ว และจะส่งให้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. และกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยแล้ว เลขาธิการ ศอตช. แถลงด้วยว่า นายกรัฐมนตรีระบุว่า ควรยกระดับ ศอตช.เป็นหน่วยงานที่มีกฎหมายรองรับ มากกว่าหน่วยงานเฉพาะกิจ ที่ออกตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี จึงมอบให้ฝ่ายกฎหมายไปคิด ว่าควรขึ้นอยู่กับสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อบูรณาการขับเคลื่อนหน่วยงานราชการหรือไม่