สถานการณ์ต่างประเทศ

กรุงเบลเกรด เมืองหลวงของเซอร์เบีย ถือเป็นในเมืองที่มีอุณหภูมิสูงที่สุดในยุโรป เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ด้วยสถิติ 39 องศาเซลเซียส ร้อนกว่ากรุงไคโร เมืองหลวงของอียิปต์ เมื่อเทียบกับสถิติในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นอิทธิพลของคลื่นความร้อน "ลูซิเฟอร์" ที่แผ่ขยายอิทธิพลปกคลุมไปทั่วทั้งภูมิภาค ตั้งแต่ต้นเดือนส.ค. โดยเฉพาะในแถบยุโรปตะวันออกและยุโรปใต้ ส่งผลให้อุณหภูมิเฉลี่ยของหลายประเทศในบริเวณดังกล่าวเพิ่มขึ้นสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ทั้งนี้ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของสเปนพยากรณ์อุณหภูมิใน 31 จาก 50 จังหวัดของประเทศ จะสูงถึง 44 องศาเซลเซียสในช่วงต้นสัปดาห์นี้ ขณะที่ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงาน ผู้เสียชีวิตจากอิทธิพลของคลื่นความร้อนเพิ่มเป็นอย่างน้อย 6 คน ในจำนวนนี้ 3 คนอยู่ในอิตาลี สภาพอากาศที่ร้อนจัดยังส่งผลกระทบต่อผลผลิตองุ่นสำหรับทำไวน์ และมะกอกในปีนี้ ที่มี แนวโน้มลดลงมากถึง 30% ด้านรัฐบาลโรมาเนียใช้มาตรการควบคุมการจราจรในช่วงกลางวันไม่ให้มีรถยนต์บนท้องถนน มากเกินไป และจำกัดความเร็วของขบวนรถไฟโดยสารให้แล่นช้าลง เพื่อป้องกันความเสียหาย เกิดขึ้นกับล้อรถ ที่อาจเป็นผลจากสภาพอากาศร้อนจัด ทวีปยุโรปเคยเผชิญกับอิทธิพลรุนแรงของคลื่นความร้อนครั้งล่าสุดเมื่อปี 2546 คร่าชีวิต ประชาชนมากกว่า 70,000 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ โดยพบในอิตาลีมากที่สุดราว 15,000 คน รองลงมาคือฝรั่งเศส ประมาณ 14,000 คน