สถานการณ์ต่างประเทศ

พิธีรำลึกในปีนี้ถูกจัดขึ้นที่สวนอนุสรณ์สถานสันติภาพ ใกล้กับจุดศูนย์กลางการระเบิด หลังจากสมาชิกองค์การสหประชาชาติ ลงมติเสียงข้างมาก 122 เสียง ให้การรับรองสนธิ สัญญาห้ามการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ฉบับแรกของโลก โดยญี่ปุ่นปฏิเสธที่จะเข้าร่วม สนธิสัญญาฉบับนี้ เนื่องจาก 5 ประเทศมหาอำนาจที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ ทั้งสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และรัสเซีย แสดงการคัดค้านต่อสนธิสัญญาดังกล่าว อย่างรุนแรง นายคาซูมิ มัตสึอิ นายกเทศมนตรีเมืองฮิโรชิมา กล่าวในปฏิญญาประจำปีของเมืองว่า ตนอยากให้รัฐบาลแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสันติภาพในรัฐธรรมนูญของญี่ปุ่น ด้วยการลดช่องว่างระหว่างประเทศที่ทั้งมีและไม่มีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในครอบครอง ประเทศ ต่างๆ ที่ให้การรับรองสนธิสัญญาดังกล่าว ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างชัดเจนในการ บรรลุผลสำเร็จ และนี่คือเวลาที่ทุกรัฐบาลจะต้องใช้ความพยายามเพื่อก้าวสู่โลกที่ปราศจาก อาวุธนิวเคลียร์ต่อไป ขณะที่นายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะได้ หลีกเลี่ยงที่จะกล่าวถึงสนธิสัญญาดังกล่าว โดย กล่าวว่า การที่จะทำโลกปราศจากอาวุธนิวเคลียร์ได้อย่างแท้จริงนั้น การมีส่วนร่วมระหว่าง ประเทศที่มีและไม่มีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในครอบครองนับเป็นสิ่งจำเป็น พิธีรำลึกในวันนี้ มีผู้แทนจาก 80 ประเทศเข้าร่วม รวมทั้งสหภาพยุโรป และมหาอำนาจที่มี อาวุธนิวเคลียร์อยู่ในครอบครองอย่างสหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, สหรัฐอเมริกา, รัสเซีย, อินเดีย, อิสราเอล และปากีสถาน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีกว่าเป็นผู้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ แต่ไม่ร่วมลงนามในสนธิสัญญาดังกล่าวก็มาเข้าร่วมพิธีในครั้งนี้ด้วย เมื่อเวลา 8.15 น. ของวันที่ 6 ส.ค. 2488 สหรัฐได้ทิ้งระเบิดปรมาณูจากเครื่องบินลงสู่เมือง ฮิโรชิมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตราว 140,000 คน ส่วนระเบิดลูกที่สอง ถูกทิ้งที่เมืองนางาซากิ ในวันที่ 9 ส.ค. และอีก 6 วันต่อมาญี่ปุ่นจึงประกาศยอมแพ้สงคราม