สถานการณ์ในประเทศ

คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ประชุมนอกสถานที่ ที่ จ.ระยอง เป็นวันที่ 3 เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ โดยช่วงเช้า นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.เป็นประธานการประชุม ซึ่งเป็นการพิจารณา ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นฉบับสุดท้าย ต่อมา นายนรชิต สิงหเสนี โฆษก กรธ.แถลงว่า กรธ.พิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาเสร็จแล้ว เบื้องต้น หลักการที่ กรธ.กำหนดไว้ คือ วุฒิสภาต้องไม่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองหรือพรรคการเมือง แยกกันเด็ดขาดระหว่างสภาสูงกับสภาล่าง วุฒิสภาต้องทำหน้าที่เป็น "สภาพลเมือง" ห้ามนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง กรธ.กำหนดไว้ว่า ให้ ส.ว.มี 200 คน มาจาก 20 กลุ่ม อาทิ กลุ่มการบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง , กลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม , กลุ่มการศึกษา , กลุ่มการสาธารณสุข , กลุ่มเกษตรกรต่างๆ , กลุ่มพนักงานหรือลูกจ้างที่มิใช่หน่วยงานของรัฐ , กลุ่มด้านการค้า ธุรกิจ และอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม , ผู้ประกอบอาชีพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ , สตรี , คนพิการ ผู้สูงอายุ กลุ่มชาติพันธุ์ , กลุ่มศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี นักกีฬา ดารานักแสดงและบันเทิง , กลุ่มสื่อสารมวลชนและผู้สร้างสรรค์วรรณกรรม , ผู้ประกอบธุรกิจด้านการท่องเที่ยวหรือการบริการ , กลุ่มประกอบธุรกิจขนาดใหญ่ , กลุ่มอุตสาหกรรม , กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพอาชีพอิสระ โฆษก กรธ. กล่าวต่อว่า คุณสมบัติการแบ่งกลุ่ม ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.วินิจฉัยว่า ผู้สมัครอยู่ในกลุ่มใด หากเข้าได้หลายกลุ่มจะต้องเลือกว่าจะสมัครกลุ่มใดได้เพียงกลุ่มเดียว หากมีการคัดค้านให้ กกต.วินิจฉัย ถือเป็นที่สิ้นสุด โดยมีเงื่อนไข มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน เคยศึกษา หรือทำงานอยู่ ไม่น้อยกว่า 3 ปี กำหนดค่าสมัคร 2,500 บาท ส่วนวิธีการเลือก ให้เริ่มเลือกตั้งแต่ระดับอำเภอ ขั้นตอนแรกให้แต่ละกลุ่มเลือกกันเองจากผู้สมัครทั้งหมดภายในกลุ่มให้เหลือ 5 คน จากนั้น จะเป็นการเลือกไขว้เลือกกลุ่มอื่นให้เหลือกลุ่มละ 3 คน เป็นตัวแทนระดับอำเภอ เมื่อได้ 200 คนแล้ว ให้นำเสนอ คสช.เพื่อคัดเลือกให้เหลือ 50 คน ตามมาตรา 269 (ค) ของรัฐธรรมนูญ ปี 2560 และนำไปรวมกับ ส.ว.ที่ได้รับการสรรหาจาก คสช.194 คน และมาตามตำแหน่งที่กำหนดไว้อีก6 คน รวมเป็น 250 คน เมื่อเลือกเสร็จ ให้ กกต.ประกาศผลการเลือกตั้งภายใน 7 วัน นายนรชิต สิงหเสนี กล่าวอีกว่า สำหรับข้อห้ามและบทลงโทษ คือ ห้ามหาเสียงไม่ว่าด้วยวิธีใด แต่ให้ทำประวัติเอกสารแนะนำตัวได้ โดยส่งให้ กกต.จัดทำ ส่วนบทลงโทษเป็นไปตามหลักการของ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ส และ ส.ว. ปี 2550 แต่กำหนดโทษใหม่ใน 3 ประเด็น คือ 1.กรณีมีผู้สนับสนุนให้ผู้สมัคร หรือจ้างคนมาสมัครหรือไม่ให้สมัคร 2.กรณีที่กรรมการบริหารพรรคการเมือง ส.ส. สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่นและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ช่วยเหลือผู้สมัครให้เป็น ส.ว. และ 3.การจูงใจให้มาซื้อ ขายเสียง ทั้งการให้เงินหรือการใช้อิทธิพล ข่มขู่ ซึ่งจะมีบทลงโทษ จำคุกระหว่าง 1-10 ปี ปรับ 20,000 -200,000 บาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี