สถานการณ์ในประเทศ

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ กระทรวงการคลังจะเสนอหลักเกณฑ์และแนวทางการมอบสวัสดิการให้ผู้มีรายได้น้อยให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ขณะที่ความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการแห่งรัฐนั้น อยู่ในการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ที่กำลังพิจารณาพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 ซึ่งสำนักงบประมาณปรับลดวงเงินของกองทุนลงจาก 50,000 ล้านบาท เหลือ 46,000 ล้านบาท แต่ไม่น่ามีปัญหา และคาดว่าวงเงินดังกล่าวจะดูแล สวัสดิการผู้มีรายได้น้อยได้ ส่วนกองทุนผู้สูงอายุที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามกระทรวงการคลังเสนอ ร่างพระราชบัญญัติ ผู้สูงอายุฉบับที่...พ.ศ. ...โดยมีสาระสำคัญให้จัดเก็บภาษีสรรพสามิตที่เรียกว่าภาษีบาป อันเกี่ยวข้องกับสุราและยาสูบ เพิ่มขึ้นอีก 2% เพื่อจัดสรรเงินสมทบกองทุนผู้สูงอายุ วงเงิน 4,000 ล้านบาทนั้น เป็นแนวทางเพื่อให้กองทุนผู้สูงอายุมีเงินเพิ่มขึ้น หลังจากที่ผ่านมาได้รับงบประมาณจำกัด เมื่อรวมกับรายได้ที่ผู้สูงอายุที่มีรายได้ดี และยอดเสียสละไม่รับเบี้ยผู้สูงอายุ คาดว่าจะมีวงเงินเพียงพอในการดูแลผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ด้านนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. กล่าวว่า อัตราภาษีใหม่ที่จะจัดเก็บจากสุราและยาสูบนั้น ขอยืนยันว่า จะไม่มีผลกระทบต่อผู้บริโภค เพราะอัตราภาษีที่เก็บเพิ่มจะเก็บจากเนื้อภาษี หรือเม็ดเงินภาษี เช่น ภาษีบุหรี่จัดเก็บรายได้ 1,000 ล้านบาท เก็บภาษีเพิ่ม 2% หรือคิดเป็นเงิน 20 ล้านบาทเท่านั้น ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง คาดว่า พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้ภายในปีนี้ และคาดว่า จะมีเม็ดเงินจากภาษีบาปปีละ 4,000 ล้านบาท เพื่อนำไปสมทบเข้ากองทุนผู้สูงอายุ ปัจจุบันได้จัดตั้งกองทุนฯ แล้ว โดยมีเงินกองทุนฯ สะสม 400 ล้านบาท หากกฎหมายมีผลบังคับใช้ ก็นำเงินจากภาษีบาปเข้ากองทุนฯ ได้ทันที