สถานการณ์ในประเทศ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กำลังจะพาสหรัฐฯ ออกจากความตกลงปารีส หรือ ความตกลงตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ UNFCCC เพื่อกำหนดมาตรการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ตั้งแต่ปี 2563 ที่มี 196 ประเทศร่วมลงนาม เมื่อปี 2558 . ทรัมป์ แถลงที่โรส การ์เดน ในทำเนียบขาวว่า เขากำลังปกป้องงานของชาวอเมริกัน ซึ่งความ ตกลงนี้ถูกออกแบบมาเพื่อกระจายความมั่งคั่งของชาวอเมริกันไปให้ประเทศอื่น เขาเป็น ตัวแทนของชาวเมืองพิตต์เบิร์ก ไม่ใช่ปารีส ถึงเวลาแล้วที่จะทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่ อีกครั้ง เราไม่ต้องการให้ผู้นำอื่นและประเทศอื่น มาหัวเราะเยาะเราได้อีกแล้ว และเพื่อ เติมเต็มหน้าที่อันทรงเกียรติของเขาในการปกป้องอเมริกาและพลเมืองอเมริกา สหรัฐฯ จะถอนตัวออกจากความตกลงปารีส . ท่าทีของทรัมป์สร้างความผิดหวังให้ผู้นำโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี บอกว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ และข้อตกลงนี้ไม่สามารถ เปลี่ยนแปลงได้ ส่วนอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัท เทสล่า บอกว่า เขาจะ ออกจากการเป็นที่ปรึกษาในทำเนียบขาวเช่นกัน และทวีตข้อความว่า "การถอนตัว จากความตกลงปารีสไม่ใช่เรื่องดี ไม่ว่าจะสำหรับอเมริกาหรือโลก" . ทรัมป์ยังบอกด้วยว่า ความตกลงนี้ไม่เป็นธรรมต่อสหรัฐฯ ในระดับสูงสุด แต่โอนอ่อน ให้จีนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ปล่อยมลภาวะรายใหญ่ของโลก ขณะที่เขาต้องทำตามสัญญา ที่ให้ไว้กับผู้มีสิทธิ์ออกเสียงตอนเลือกตั้งประธานาธิบดี 2016 ว่า สหรัฐฯจะถอนตัว ออกจากความตกลงว่าด้วยโลกร้อน แต่ก็เปิดทางว่า จะเริ่มต้นการเจรจาเพื่อกลับเข้าสู่ ความตกลงกรุงปารีสอีกครั้งหนึ่ง หรือไม่ก็จะเจรจาเพื่อให้มีความตกลงฉบับใหม่ บนพื้นฐานของความยุติธรรมต่อสหรัฐฯ ทั้งในเรื่องของความยุติธรรมต่อธุรกิจ แรงงาน ประชาชน รวมถึงผู้จ่ายภาษี . ทรัมป์ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนถึงกรอบเวลาของการถอนตัวออกจากความตกลงปารีส แต่แหล่งข่าวในทำเนียบขาวระบุว่า กระบวนการเพื่อการถอนตัวอาจจะใช้เวลา ไม่ต่ำกว่า 4 ปี