สถานการณ์ในประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุการณ์ระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อวานนี้ ( 22 พ.ค.) สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีอำนาจสั่งยกระดับการรักษาการณ์ ประจำจุดในพื้นที่รัฐสภา เป็น 1 เท่าตัว และเข้มงวดเรื่องการตรวจสอบบุคคล พร้อมกับ สิ่งของที่จะผ่าน เข้ามายังตัวอาคารรัฐสภา โดยวันนี้ ( 23 พ.ค.) ซึ่งมีการประชุมสภาขับเคลื่อน การปฏิรูปประเทศ หรือ สปท. พบว่าจุดตรวจของตำรวจรัฐสภาที่จะผ่านเข้าอาคาร ทุกอาคาร มีการเพิ่มกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภา พร้อมกับเพิ่มการตรวจสอบบุคคลอย่างเข้มงวด อาทิ บุคคลที่จะเข้ามายัอาคารรัฐสภา ต้องมีบัตรประจำตัวที่สามารถแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ หากเป็นบุคคลภายนอกที่ไม่มีบัตรผ่าน ต้องแลกบัตรที่กองรักษาการณ์ ด้านหน้ารัฐสภา พร้อมกับแจ้งวัตถุประสงค์ของการเข้ามายังในพื้นที่ และบางกรณีต้องให้ผู้ที่จะขอเข้าพบ มายืนยัน และลงนามรับรองบุคคลก่อนแลกบัตรผ่าน อาทิ นักศึกษาที่จะเข้าฝึกงานในส่วน ของสื่อมวลชนรัฐสภา . ขณะที่ ยานพาหนะที่ผ่านเข้ามายังรัฐสภา จะงดการนำเข้ายานพาหนะหากไม่มีบัตรอนุญาต ให้เข้าพื้นที่ และแจ้งให้นำยานพาหนะไปจอดที่อาคารจอดรถสวนสัตว์ดุสิต ทั้งนี้ บรรยากาศ โดยรอบที่รัฐสภา ยังคงเป็นไปอย่างเรียบร้อย และไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติ หรือร้ายแรงใดๆ เกิดขึ้น . นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ว่า สั่งการให้เจ้าหน้าที่ มอร์นิเตอร์ภาพความเคลื่อนไหว ผ่านกล้องและโทรทัศน์วงจรปิด ภายในพื้นที่รัฐสภา ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งทำควบคู่กับการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภา ที่เพิ่มจำนวน กำลังทุกจุดเป็นเท่าตัว อย่างไรก็ตาม จากการประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ไม่พบว่า พื้นที่รัฐสภาเป็นเป้าหมายที่จะมีการก่อเหตุรุนแรง แต่ด้วยพื้นที่รัฐสภาที่มีบุคคลสำคัญ ปฏิบัติหน้าที่จึงจำเป็นต้องเพิ่มมาตรฐานและระดับการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด